zz *Bow's Journey Under the RainBow*: October 2005

*Bow's Journey Under the RainBow*

And this is a little journey of me...

Wednesday, October 26, 2005

คิดถึงบ้าน

วันนี้ไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษ
แต่แค่อยากจะมาเล่าบางอย่างให้ฟังตามประสาคนขี้เหงา
แล้วบางทีก็ไม่รู้จะเล่าเรื่องมากมายแบบนี้ให้ใครฟัง...
หวังว่าคงยังไม่เบื่อกันนะ

ตอนนี้เกิดอาหารคิดถึงบ้านขึ้นมาเล็กน้อย
อาจจะเป็นเพราะเมื่อฤดูใบไม้ร่วงค่อยๆคืบคลานเข้ามา
บรรยากาศมันก็พาให้คิดแบบนั้น...
ทั้งใบไม้ที่เริ่มจะเปลี่ยนเป็นสีแดงขึ้นทีละเล็กละน้อย
รวมถึงอากาศที่เริ่มหนาวขึ้นอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน...

บางครั้ง..ถ้าเราอยากจะคุยกับใครสักคนขึ้นมามันก็ไมได้ง่ายอย่างที่เราคิด
อย่างตอนเราอยู่บ้าน..เราอยากจะคุยกับแม่เมื่อไหร่ก็ได้ นานแค่ไหนก็ได้
แค่เดินไปหา หรือการนั่งคุยกันในรถระหว่างกลับบ้านที่ทำเป็นประจำทุกวัน

แต่ทุกวันนี้....
จะคุยกันแต่ละครั้งก็ต้องนั่งคำนวณว่าบัตรโทรศัพท์ชั้นมีตังค์เหลือเท่าไหร่หว่า
จนบางครั้งเราก็ต้องตัดสินใจทำอะไรบางอย่างด้วยตัวเอง...

แต่ถ้าลองคิดๆดูแล้ว...การอยู่ที่นี่อาจจะเป็นก้าวสำคัญของเรา
ที่จะทำให้เราทำอะไรได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งคนอื่นได้ก็ได้นะ
แต่ว่า...บางที เราก็แอบคิดเหมือนกันว่าการตัดสินใจของเราในบางครั้งมันดีกับเราหรือเปล่าหว่า

แต่ก็อย่างว่าแหละ..บางอย่างมันก็ต้องอาศัยประสบการณ์

คิดถึงบ้านจัง

...................

เมื่อวานนี้ ขณะที่เรากำลังแบกผักผลไม้มากมายกลับบ้านจากตลาด
ก็มีคนต่างชาติคนนึง ตอนนั้นไม่รู้ว่าเค้าเป็นชาติอะไร ขี่จักรยานผ่านมา
แล้วก็หันกลับมามองเรา และพูดว่า

"Are you the one who joined HPAIR?"

เอ๋...งงล่ะสิ
คุยไปคุยมาสรุปว่า...เค้าอยู่ workshop เดียวกับเราด้วยแฮะ
เค้าบอกว่าเคยเจอเราที่โรงอาหารแล้วรู้สึกว่าหน้าคุ้นๆ
เออหว่ะ...พอพูดแบบนั้นขึ้นมาเราก็เลยรู้สึกคุ้นๆหน้าเค้าเหมือนกัน

กลับบ้านไปดูรูปที่ถ่ายตอน HPAIR....เฮ้ย!!มีจริงๆด้วย

ตลกดีอ่ะ...โลกโคตรกลมเลย
แล้วเมื่อวาน...เนื่องจากเลิกเรียนเร็ว ก็เลยนอนตลอดบ่ายเลย เหอๆ
มีคนบอกว่า..."หน้าหนาวก็งี้แหละ"
จริงเหรอ...หน้าหนาวทำให้ขี้เกียจจริงเหรอ ถามจริ๊งงงง

พอตื่นมาตอนเย็นๆ ก็ลุกขึ้นมาดูละครญี่ปุ่นที่โหลดไว้
เรื่อง Densha Otoko

ดูไปดูมา...สี่ตอน ก็รู้สึกว่ามันไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่อ่ะ
แถมพระเอกก็จะออกแนวน่าสมเพช
แบบว่า ไม่ชอบอะไรแบบนี้เท่าไหร่
แล้วก็คิดว่าจะไม่เก็บไว้หรอกเรื่องนี้ ดูแล้วดูเลย
คงไม่เอามาดูใหม่....

พอคิดได้แบบนี้
ก็ทำให้ความสับสนในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาว่าจะซื้อ External Harddisk
หรือ DVD Writer ก็กระจ่างขึ้นมา (เพราะว่าโหลดละครมาดูเนี่ยแหละ ทำให้ HDD จะเต็ม)
แถมพอปรึกษาใครก็มักจะมีสองกระแส และต่างคนต่างก็มีเหตุผลสนับสนุนที่น่าเชื่อถือ
นั่งคิดอยุ่หลายวันเหมือนกันอ่ะ เพราะการจะซื้ออะไรมาซักอย่างมันก็ต้องเสียตังค์มากทีเดียว

ตกลงว่า...จะซื้อ Harddisk แล้วล่ะ

...............

วันนี้....
นัดกับ Lillian ว่าจะไปเอา Alien Card กัน
โอย..กว่าจะได้ ใช้เวลา 1 เดือนอ่ะ

แล้วก็...ถีบจักรยานไป!!
เราใช้เวลาหนึ่งคืนในการทำใจเพื่อจะขี่จักรยาน

แล้วเชื่อไหมทุกคน...
เราสามารถข้ามผ่านเวลานั้นมาได้ โดยไม่ล้ม!!!

โอยโคตรดีใจอ่ะ มี progress
ถึงแม้จะแอบเหนื่อยมากและขี่ตามไม่ทันชาวบ้านซะเป็นส่วนใหญ่
แต่ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่จะขี่จักรยานไปไหนมาไหนได้แล้วล่ะ

เอาล่ะ ไม่มีอะไรจะเล่าแล้ว
แต่ก็อยากบอกว่าคิดถึงทุกคนมากๆ
ถึงแม้ว่าทุกคนที่นี่จะดีกะเราแค่ไหน แล้วเราก็รู้สึกดีกับเค้ามากแค่ไหน
แต่เราก็ไม่เคยลืมวันเวลาดีๆที่เรามีด้วยกันเลยนะ

คิดถึงมาก...
จนกว่าจะได้พบกันอีกครั้ง

Sunday, October 23, 2005

รับน้องโอซาก้า...กับคาราโอเกะสองวันซ้อนนนน!!

ฮาโหลสวัสดีทุกคน
ตอนนี้ที่ญี่ปุ่นอากาศหนาวมากอ่ะ

เมื่อวานนี้ขนาดยังไม่ทันจะหน้าหนาวเลยเราก็ต้องควักเสื้อโค้ทมาใส่ซะแล้ว
และท่าทางว่ามันจะหนาวขึ้นเรื่อยๆ...เรื่อยๆ บรื๋อ~~

ขอเล่าย้อนไปเมื่อวันศุกร์ก่อน
ก็เนื่องจากว่าเราไม่ค่อยสบายอ่ะ ก็เพราะอากาศเนี่ยแหละกลางวันร้อนกลงคืนหนาว
ตอนเช้าออกจากบ้านใส่เสื้อสามชั้น พอตอนเที่ยงอยากจะถิดเหลือชั้นเดียว
แล้วยังกระแดะเข้าเมืองหลังเลิกเรียนอีก -_-"
กลับมาบ้านก็รู้สึกวิงเวียนหัวเล็กน้อย


พอดีว่าวันนั้นเป็นวันเกิดเพื่อนใน OUSSEP คนนึง
ซึ่งจริงๆก็ไม่ได้สนิทกับเค้าเท่าไหร่หรอก แต่ว่าทุกคนก็จัดปาร์ตี้กัน
เราก็เลยกะว่านะ....จะโดดซะหน่อย พอถึงเวลานัดคือหกโมงเย็น
เราก็เลยส่ง message ไปหาเพื่อนคนแคนาดาคนนึงชื่อ Lillian
ที่เราสัญญากะเค้าว่าจะไปเป็นเพื่อน แล้วก็บอกว่าเค้าว่าเราไม่สบาย ขอไม่ไป

เวลาผ่านไปสอง ชม. ในใจคิดว่ารอดแล้วกรู....
เสียงออดหน้าห้องก็ดังขึ้น
คนที่ยืนหน้าห้องก็คือ Lillian, Florence และ Ron (สามช่าแคนาดา)
แล้วก็หว่านล้อมเราต่างๆนานา โดยบอกว่าจะไม่ไป club แล้วจะไปเกะกันแทน
พร้อมทั้งข่มขู่แกมบังคับให้เราไปด้วย และบอกว่าจะลงไปรอข้างล่าง ถ้ายังไม่ลงไปอีก
จะขึ้นมาใหม่ พร้อมกับจะให้ Jeffrey และ Andras (สองหนุ่มที่ตัวใหญ่ที่สุด)
มาลากตัวเราลงไป o_O"

ง่า....ไปก็ได้ฟร้า
อีกอยาก เกะนี่ก็เรื่องถนัดไม่ใช่เล่น เหอๆ
ก็เดินไปเกะที่ Ishibashi แถวบ้าน
ทุกคนต่างก็งัดไม้เด็ดออกมาโชว์....
โดยเฉพาะ Lillian ซึ่งร้องเพลงจีน และ Hyuck ที่ร้องเพลงเกาหลี
ทำให้คนอื่นร้องตามไม่ได้......และได้โชว์ออฟเต็มที่

โอ้ ขอบอก...พี่ Hyuck นี่เท่มากๆๆๆๆๆ อ่ะ ขอกรี๊ด..ให้สิบดาวเลย

เราก็พยายามหาเพลงไทยอ่ะนะ...แต่มันไม่มีหว่ะ เหอๆ
แล้วมานจามีได้ไงว้า~ ก็เลยอาศัยความสามารถพิเศษ
คือการร้องได้ทุกเพลง ทุกท่อน มาข่มคนอื่น
เวลาคนอื่นเลือกเพลงมาแล้วขึ้นไม่ได้ (ซึ่งก็ไม่รู้จะเลือกทำไม)

เราก็อาศัยความสามารถพิเศษของเราคือการใช้เสียงดังมาก่อน
ร้องขึ้นมา ในขณะที่คนอื่นเงียบรวมถึงคนที่เลือกเพลง เพราะนึกไม่ออกว่าเริ่มยังไง
ไมค์ก็จะลอยมาหาเราโดยอัตโนมัติ ฮ่าๆๆๆ เก่งป่ะล่ะ

ตอนที่ร้องๆกันอยู่ สงสัยห้องเรามันจะมันมาก
เลยทำให้มีใครมาจากไหนไม่รู้เข้ามาแจม เต้นๆในห้องเราใหญ่เลย
งงหว่ะ...ถามกันใหญ่เลยว่าเค้าเป็นใคร แต่ก็ไม่มีใครตอบได้
เลิกร้องกันแล้ว...คนอื่นก็ไป drink กันต่อ ส่วนเราก็กลับบ้านนอนอ่ะนะ เหอๆ

..............

วันเสาร์ ตอนแรกคิดว่าอาหาศจะแจ่มใสเหมือนกับสามสี่วันที่ผ่านมา
ตื่นมาสิบโมงเช้า ทำงานบ้านหลั่นล้าไป คือ กวาดบ้าน ถูบ้าน ซักผ้า
ทำกับข้าว เปลี่ยนผ้าปูที่นอน...ดูเหมือนจะขยันอ่ะนะ แต่จริงๆแล้วไม่มีไรทำอ่ะ
แถมห้องก็เล็กกระติ๊ดเดียว ปักม็อบสองสามทีก็ทั่งห้องแล้ว จะขี้เกียจก็ยังไงอยู่

อ่อ...วันนี้มีงานรับน้องโอซาก้าแหละ ที่สวนสาธาณะแถวๆ Minami-sensi
ซึ่งเราก็ไปไม่ถูกอ่ะ ก็เลยนัดพี่คนไทยคนหนึ่ง ชื่อพี่เคไว้แถวบ้านเค้า
จะได้ตามเค้าไป กะว่าไม่หลงแน่นอน...

ออกจากบ้านก่อนสามโมงเย็นนิดหน่อย เพระพี่เคนัดไว้บ่ายสามครึ่ง
พอพี่เคมาถึง...ก็บอกว่าวางแผนผิด ความจริงเรารออยู่ที่สถานีแถวบ้านดีอยู่แล้ว
ไม่ต้องเสียตังค์หลายต่อ เหอๆ...

แล้วพอจะเปลี่ยนรถ...พี่เคก็งง ถามเราอีกว่าไปสถานีไหน
แถมขึ้นผิด platform เห็นรถสายที่เราควรจะขึ้นวิ่งออกไปต่อหน้าต่อตา
ต้องรออีกสิบนาที ฮ่าๆๆๆ.....แถมพอไปถึงที่แล้วยังไปผิดตึกอีก
กะว่า..จะไปถึงตอนสี่โมง ไปถึงก็สี่โมงครึ่งละ งานเริ่มห้าโมง

สรปพี่เคก็ไม่ได่ไปช่วยไรเค้าเลย....แล้วเราก็นะ หลงจนได้ ฮ่าๆๆๆ
พอไปถึง....งานก็ใกล้เริ่มแล้ว เราก็คุยกับคนที่พอรู้จักบ้างไป
เพราะคนส่วนใหญ่....ไม่รู้จักง่ะ -_-"

ห้าโมงก็ขนของไปที่สวนสาธารณะ ท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บ
เพราะฝนเพิ่งหยุดตก....หนาวววววมากกกกกกกกกกก
ยิ่งตกกลางคืนยิ่งหนาว สังเกตได้ว่า บริเวณเตาปิ้งบาบีคิวจะมีคนออมากที่สุด
เพราะว่ามันหนาวววว ไปยืนผิงไฟกัน แล้วทกุคนก็จะมีกลิ่นหมูปิ้งติดตัว ติดหัว ติดมือ
ไปตามระเบียบ จนทำให้มีน้องหมาวิ่งตามนึกว่าเป็นหมูปิ้งเดินได้ เหอๆ

พอกินกันเสร็จเรียบร้อย...
ก็มีการแนะนำตัวน้องใหม่ และแนะนำตัวพี่ๆ
แล้วก็มีการเลือกนางนพมาศ

..............
..............
..............
..............
..............
..............

เค้าคิดยังไงมาเลือกเราวะ โอเคอ่ะถึงแม้จะมีสามคน แต่เราก็เป็นหนึ่งในสาม
คือ กลัวจะทำให้เมืองเสียชื่อเสียงจังหว่ะ
แบบว่า...เมืองนี้มันหาได้ดีสุดแค่นี้เหรอว้า~
ก็นั่นอ่ะสิ -_-"

โอเค...เปิดโอกาสให้แซวกันได้ รู้ว่าทุกคนคันปากอยากแซวมาก
เพื่อนทุกคนชั้นมันก็เป็นยังงี้แหละ ช้านนนรู้~~~

หลังเลิกงานก็มีการเก็บกวาดแล้วก็ไปเกะกันต่อ
กลุ่มหนึ่งแยกไปร้องเกะเพลงไทยที่นัมบะ กะว่าร้องกันถึงเช้า
ส่วนกลุ่มเราเน้นร้องแถวบ้าน....

แล้วรู้ไรป่ะ
มันคือที่เดียวกะเมื่อวาน....
แถวบ้านมีเกะที่เดียว เหอๆ

ก่อนไปเกะก็มีแวะกลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อก่อน
เพราะว่าหนาวจัดๆอ่ะ...ทุกคนยืนบิดกันกลางสนาม
ก็เลยได้โอกาสควักเสื้อโค้ทที่เพิ่งซื้อมามาใส่ซะแล้ว เหอๆ

พอไปถึงเราก็ใส่แหลกเลย
พี่ๆบอกว่า...ถ้าไปกะคนญี่ปุ่นเค้าจะเกรงใจอ่ะ ไม่ค่อยเลือก
ซึ่งสิ่งนั้นมันไม่ใช่เราอ่ะ เหอๆ

พอไปถึง ก้นสัมผัสเบาะปุ๊บเราก็หยิบหนังสือเพงปั๊บ
และ เลือกๆๆ อย่างรวดเร็ว
จนพี่นัทบอกว่า...นี่ขณะที่พี่เลือกน้ำอยู่นี่น้องเลือกเพลงไปกี่เพลงเนี่ย เหอๆๆๆ

แต่วันนี่ไม่สามารถโชว์ skill ขั้นสูงร้องทุกเพลงได้
เพราะ....เค้าเน้นร้องเพลงญี่ปุ่นกันหว่ะ ง่ะง่ะ

ร้องๆๆๆกันจนถึงตีสอง...
ก็กลับบ้าน ฝนตกอีกแล้ว
พี่นัทก็เลยเรียกแท็กซี่ กลับไปด้วยกันสามคน คือมีมุกอีกคน

อ่อ...ตอนนี้รู้สึกดีจังที่สะสมเพื่อนญี่ปุ่นไว้หลายคนอยู่
ทำให้ส่ง e-mail โต้ตอบทางมือถือเป็นประจำอ่ะ
แล้วก็บอกให้เค้าส่งเป็นภาษาญี่ปุ่นมาด้วย งิงิ ฝึกๆ
แล้วเพื่อนที่ว่าส่งเมลคุยกันเนี่ยนะ เคยเจอหน้ากันไม่เกิน 1 วันทั้งนั้นอ่ะ
สองคนที่เด่นๆคือ คนนึงชื่อ Masahiro เจอกันที่ HPAIR วันเดียวคือวัน cultural night
ถ่ายรูปด้วยกันหนึ่งรูป และแลกนามบัตรกันเท่านั้นอ่ะ เหอๆ คนนี้เรียนอยู่โตได
ส่วนอีกคน...นี่ก็คือหลังจาก HPAIR มาแล้ว อ.ให้ไปช่วยเทคแคร์เด็กญี่ปุ่นกลุ่มนึง
ก็มีคนนึงที่เจอกันวันนั้นแหละ เรียนจบ Keio มาหลายปีแล้ว แต่มาเนียนด้วย
ชื่อ Tomo คนนี้ส่งคุยกันบ่อยสุด แถมใจดีส่งมาให้เป็นฮิรางานะ แถมแยกเว้นวรรคระหว่างคำมาให้อีก

ส่วนเราก็ เปิดดิกฯพัลวัน เหอๆ

เหอๆ....
It's good to have friends จริงๆหว่ะ

สวนสาธารณะยามค่ำคืน

มุมฮิตสำหรับผิงไฟ

ถ่ายรูปรวมกันหน่อย

Wednesday, October 19, 2005

My Country, My University Presentation

สวัสดีทุกคน
เราจะเลิกเหลวไหลแล้วมาเล่าเรื่องให้ฟังบ่อยๆแล้วน้า
เราจะปรับปรุงตัว หุหุ

และหลังจากมีคำถามมาหนาหูมากว่าเราอ้วนขึ้นหรือเปล่า...

........

อืม

........

จริงๆแล้วเราก็ไม่รู้จะตอบว่าไงอ่ะนะ
เพราะเราไม่มีเครื่องชั่งน้ำหนักให้ชั่งแต่ก็นะ...

อาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้
เพราะถ้าชั่งอาจจะช็อค!!!

เราก็เริ่มรู้สึกตัวแล้วล่ะว่าอ้วนขึ้น เหอๆๆๆๆ

จะลดได้ไหมว้าน้ำหนัก..
อยู่ประเทศนี้เนี่ย อืมมมม

เอาล่ะ เข้าเรื่องๆ...
วันนี้มีการ present ของนักศึกษาแลกเปลี่ยนชื่อว่า
My Country, My University

ซึ่งให้ทำ powerpoint ได้และ...
ตามสไตล์เดิมของเรา ไม่ทำเอง เหอๆๆๆ
อันนี้พี่อ้นให้สไลด์เรื่องประเทศไทยมา ซึ่งพี่พลังเคยทำไว้
แต่ที่เราต้องทำเองก็มีนิดนึง

ก็คือเดินไปให้พี่พลังแปลให้
เพราะมันเป็นภาษาญี่ปุ่นและทำสไลด์เรื่อง My university

เป็นไง...สไลด์ไฮโซอ่ะดิ
เออ พอดูรูปนี้แล้วเพิ่งรู้สึกว่าอ้วนจิงๆว่ะ

ทำไงดี....กว๊ากกกกกกกกกกกกกก

เมื่อกี้ก็ดันออกไปกินไอติมกับพี่นัท พี่อ้น มุกอีกจะรอดมั้ยอ่ะ...

เข้าเรื่องต่อนะ...
การ present ดำเนินไปเป็นเวลาร่วมห้าชม.
เพราะแต่ละคนต่างก็งัดของดีของประเทศตัวเองมาโชว์ใหญ่

ที่ฮาที่สุดขอยกให้ฟินแลนด์...
ไม่ได้ฮาที่อะไรหรอกนะ
แต่ฮาเรื่องที่เค้าเอามาบอกเค้าบอกว่าที่ประเทศเค้ามีการแข่ง
world championship หลายอย่าง เช่น เ

นื่องจากคนฟินแลนด์มี sauna กันทุกบ้าน ก็มีการแข่งว่าใครอยู่ใน sauna ได้นานที่สุด -_-"
แล้วก็ยังมี...แข่งตบยุง -_-"
แข่งแบกเมียวิ่งวิบาก -_-"
แข่งขว้างรองเท้าบู๊ท -_-"

และสุดท้ายเนื่องจากฟินแลนด์เป็นประเทศที่ผลิต Nokia และจำนวนมือถือมีมากกว่าจำนวนคนเลยมีการ
แข่งขวางมือถือ!!! -_-"

เราไม่ได้โกหกนะ...ไม่เชื่อก็ดูรูปเลยยยยยย

เอาล่ะ..ไม่รู้จะเล่าอะไรแล้วล่ะเ
พราะนอกนั้นก็ออกแนวน่าเบื่อ...

ช่วงนี้จะเข้าช่วงมุมระบายความในใจ...
ตอนนี้เริ่มจะตระหนักแล้วอ่ะว่าถ้าใช้ชีวิตอยู่อย่างงี้
ภาษาญี่ปุ่นจะต้องไม่กระดิกแน่ๆ

เพราะทุกวันใช้ชีวิต พูดคุย เรียน ทุกอย่างเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด!!!

คือว่า...ตอนนี้รู้สึกว่าตัวเองพูดภาษาอังกฤษพัฒนาขึ้นเยอะ
แต่ภาษาญี่ปุ่นเหมือนเดินอยู่กับที่

เรียนก็อาทิตย์ละสามคาบเท่านั้นอ่ะ
เรียนมาสองอาทิตย์เราก็ยังเรียนฮิรางานะอยู่เลยถึงแม้จะเป็นกลุ่มหัวหมา...
คือรู้มาบ้างแล้วว่างั้นเหอะ

แต่คือเราเซ็งอ่ะ...เราอยากให้ปีนึงของเราที่นี่มันมีคุณค่านิดนึง
โอเคอ่ะ...มันได้ประสบการณ์ชีวิตก็จริงแต่เราก็อยากจะได้ภาษาด้วย
อย่างน้อยก็อยากจะคุยเรื่องพื้นฐานกับข้าวบ้านรู้เรื่อง
ตอนนี้ที่คอนวิเนี่ยนสโตร์ถามเราว่าจะเอาถุงมั้ยเรายังทำหน้างงเลย

เศร้าอ่ะ...ถ้าวันนึงฟังว่าในทีวีมันหัวเราะอะไรกันออก
ชีวิตเราคงมีความสุขมากกว่านี้เยอะเลย

ใครช่วยแนะนำหน่อยสิ...

Sunday, October 16, 2005

Overnight Fieldtrip to Himeji

ขอโทษทีนะคุณผู้อ่าน...
ไม่ได้เขียนมาตั้งอาทิตย์นึงเต็มๆเลยนะเนี่ย

ง่า....แบบว่าชีวิตวันนึงมันไม่ได้ทำอะไรอ่ะ
ว่างเปล่า ไปเรียน กลับบ้าน...ช็อปปิ้ง เหอๆ

แต่ว่าเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาก็มีเรื่องเล่าให้ฟังจนได้ล่ะ
ก็คือว่า ทางโครงการของเราเค้าก็ได้มีโครงการให้นักศึกษาต่างชาติได้ไปศึกษาวัฒนธรรมท้องถิ่น

ฟรี!!!!!!

ฮ่าๆ...งานนี้ก็เลยสบายเรา
ได้ไปเที่ยวที่เมืองฮิเมจิกันทั้งโครงการเลยแล้วก็ค้าง 1 คืน..เ
ลี้ยงข้าวทุกมื้อด้วย อิอิ

ก็ออกเดินทางตั้งแต่เช้าวันเสาร์
ใช้เวลา 1 ชม.ครึ่ง ก็ถึงปราสาทฮิเมจิปราสาทฮิเมจิ
เป็นปราสาทโบราณที่เค้าว่ากันว่าสมบูรณ์ที่สุดในญี่ปุ่น

ปราสาทฮิเมจิ

ก็นะ..จริงๆแล้วเราก็ไม่ได้ appreciate มันเท่าไหร่หรอก
น่าเห็นใจมรดกโลก...ที่โดนเรามองข้าม
แต่ก็ปีนขึ้นไปถึงชั้นบนสุดของปราสาท คือชั้นที่หกหอบแฮ่กๆๆๆ
เพราะบันไดชันมั่กๆ แล้วก็ได้ตราทปั๊มมาเป็นข้อพิสูจน์ว่ากรูปีนขึ้นมาถึงจริงๆ

พอสำรวจปราสาทเสร็จก็เดินทางไปสู่ที่พัก คือ Kibi National Youth Center
ใช้เวลาเดินทางกว่าจะไปถึงที่พักก็ร่วมสามชั่วโมง!!!!
พอไปถึงก็เก็บข้าวของ แล้วก็เตรียมตัวไปกินข้าวเย็น เป็นเนื้อย่างนั่นเอง...

ตอนไปกินก็มีเพื่อนคนนึงเป็นคนฮ่องกงสัญชาติแคนาเดี่ยน ชื่อ รอน
ได้มาถามเราว่าคำว่า "hey! baby" ภาษาไทยว่าไง....

เรากับมุก ซึ่งเป็นเพื่อนคนไทยที่เพิ่งมาถึงเมื่อวันพุธก็ได้มานั่งคิดว่าจะบอกมันว่าไงดี
ก็เลยบอกไปว่า "ว่าไงน้อง.." เหอๆๆๆๆ

แล้วเฮียไม่เลิกนะ...แกไปถามทุกภาษาเลยทั่ง Dutch เกาหลี สวีดิช และเวียดนาม
ตลกดีหว่ะ เหอๆ

มุก เรา และรอน

หลังจากนั้นก็มีปาร์ตี้รอบกองไฟ...
ซึ่งมันก็ไม่ได้ทำอะไรอ่ะนั่งคุยกันไป แล้วก็มีคนจำพวกนึงที่พยายามจะขึ้นเพลง

แล้วเค้าก็คงตกใจกันมั้ง...
ว่าทำไมว้า ไอ้สาวไทยสองคนนี้มันร้องได้ทุกเพลงเลยทุกเพลงจริงๆ
จนอาจารย์ยังบอกเลยว่า"
These Thai girls are like automatic singing machine..."

ฮ่าๆๆๆ...ไม่รู้จักเราซะแล้วอ่ะ ทุกคนคงรู้ใช่มะว่าเราเปนไง อิอิ
หลังจากปาร์ตี้รอบกองไฟ...ที่ทุกคนถามหามาร์ชเมลโลแต่มันไม่มี

จบลงก็ได้เวลาอาบน้ำ....
แล้วเข้าใจกันใช่ไหมว่ามันเป็นที่พักรวม...ดังนั้นก็ต้องอาบน้ำรวม!!!!!!!!!!
!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
!!!!!!!!!!!

ถึงแม้มันจะแยกชายหญิงก็เหอะจ
ริงๆแล้วเราพยายามจะหลีกเลี่ยงการอาบน้ำแบบนี้มาโดยตลอด
แต่..วันนี้เนื่องจากหัวเหม็นอย่างที่สุดรวมถึงคิดได้ว่า...ถ้าไม่เริ่มวันนี้ต่อไปมันก็ต้องมีจนได้แหละ..
ก็อยู่ญี่ปุ่นเนี่ยแหละนะ...

เอาเหอะ...ขอไม่บรรยายเรื่องอาบน้ำ
อาบน้ำเสร็จก็มีการจับกลุ่มคุยเล็กน้อยแล้วก็เข้านอน

..............

วันต่อมาตื่นเช้ามาก็ต้องจักเตียงคือต้องพับฟูก ผ้าห่ม ผ้าปูที่นอน ฯลฯ ใ
ห้กลับสู่สภาพเดิมที่มันคยเป็นซึ่งเราก็โดนแก้หลายรอบมากอ่ะ
ต้องหันมุมนี่ไปทางโน้นมุมโน้นเข้าของใน พับสามทบสี่ทบประมาณนี้...ฮ่าๆ ละเอียดดีจริงประเทศนี้

หลังจากนั้นก็ออกไปพายเรือกัน....โอย เมื่อยมากอ่ะ
แล้วก็เอาพายฟาดหลังคนข้างหน้าไปหลายที
มีช็อกหัวใจแทบวายคือพายติดน้ำเอาออกไม่ได้หลายครั้งแต่ก็ผ่านมันไปได้...

ทำไมทุกคนต้องจับให้เราเล่นกีฬาด้วยว้า!~

หลังจากนั้นก็กินข้าวเที่ยงแล้วก็เดินทางออกจากที่พักมุ่งหน้าไปดูเทศกาลท้องถิ่นมีการแก่ศาลเจ้าอะไรสักอย่าง
พอเข้าไปในงานก็มีของขายมากมาย เหมือนงานวัดอ่ะ
แล้วก็มีแก่ศาลเจ้า ทุกคนแต่งตัวชุดพื้นเมืองน่ารักดีก่อนกลับเราก็ซื้อแอ็ปเปิ้ลชุบลูกอม
อันใหญ่มากกกกกกกกกกกกกว่าจะกินหมดใช้เวลาเกือบครึ่ง ชม.

จริงๆแล้วคือสีมันสวยอ่ะ แต่มันไม่ค่อยอร่อยเท่าไหร่หรอกนะ เหอๆ

งานเทศกาลแห่ศาสเจ้า

ลูกกวาดแอ็ปเปิ้ล (ดูขนาดสิ)

หลังจากนั้นก็เดินทางกล้บบ้าน....
ใช้เวลาหลายชั่วโมง ก็ไม่วายหลับอ่ะ เหอๆๆๆ

การมาเที่ยวครั้งนี้นี่...จะบอกว่าทำให้รู้เลยว่าเพื่อนๆที่คุยๆกันมาเนี่ย
จริงๆแล้วมันเป็นคนยังไงทำให้รู้สึกชอบเพื่อนบางคนมากขึ้น
และรำคาญเพื่อนบางคนมากขึ้นขอบ่นหน่อยนะ...

จะบอกว่าเพื่อนฝรั่งแง่งงงขี้บ่นมากๆอ่ะ
นู่นก็กินไม่ได้ นี่กินไม่ได้ น้ำแพง ทำไมต้องพับผ้าห่ม blah blah blah

โอย...ถ้ารู้สึกว่ามันไม่ถูกใจมากนักจะมาทำไมวะ
ถามจริงเหอะกลับบ้านไปกินสเต็กดีกว่าม๊างงงง่า..รู้

สึกว่าตัวเองก็เป็นคนแย่เหมือนกันนะที่แบบขี้รำคาญ
แต่ก็..มันอดไม่ได้หว่ะ ทำไมถึงไม่รู้จักปรับตัวไม่เข้าใจ
หรือถึงแม้ไม่ชอบจริงๆก็เก็บไว้ในใจก็ได้นี่หว่า

เฮ้อ...นี่เรา...ขี้บ่นเหมือนพวกนั้นหรือเปล่าหว่า เหอะๆ
ไปแล้วล่ะทุกคน...ขอบคุณที่ติดตามผลงานเจอกันใหม่โอกาสหน้า

Sunday, October 09, 2005

มีหม้อหุงข้าวแล้ว...ดีใจเอ๊ยดีใจจัง

วันอาทิตย์แท้ๆ....
แต่ตื่นแต่เช้าก็เพราะว่าวันนี้ (และเมื่อวานนี้...ที่ไม่ได้ไป)
มีงาน International Student Sport Festival ที่มหา'ลัยเราเองอ่ะ

ก็เลยติดสอยห้อยตามพี่อ้นไปเหมือนเคย....
การแข่งขันก็ทั่วๆไปอ่ะ มีบาสฯ วอลเล่ย์ แบดฯ บอล...
วันนี้ไปทันดูทีมไทยแข่งบาสพอดี...แข่งกับทีมนักเรียนญี่ปุ่น
คือจริงๆแล้วไม่ได้ตั้งใจดูเท่าไหร่...
รู้แต่ว่าคะแนนออกมา

......

13 -34

......

ทีมไทยได้ 13 นะ...เหอๆแล้วก็มีวอลเล่ย์ที่เกือบชนะ...ได้ 25-27

แล้วตอนบ่ายก็ไปดูบอล...
แข่งกับเวียดนามนักกีฬาไทยแต่ละคนหวั่นใจมาก
เพราะเมื่อวานแพ้ลาวมา 5-0ส่วนเวียดนามได้เสมอเวียดนาม....

แล้วจะชนะไหม!!!

พี่ๆแต่ละคนนั่งคติดท่าดีใจกันซะยกใหญ่
กะว่าถ้ากูยิ่งไม่เข้า อีกฝั่งยิงเข้ากูจะไปดีใจกะมันซะงั้น

แล้วรู้อะไรไหม...ทีมลาวที่นั่งอยู่ข้างสนามนอกจากจะเชียร์เราสุดใจแล้วยังส่งคนมาช่วยเตะให้อีก...
นี่ขนาดทีมเราเอาเด็กเกียวโตมาช่วยเตะแล้วเชียวนะ

เพราะอะไรรู้ป่ะ...ถ้าเราชนะเวียดนาม หรือแพ้น้อยหว่า 5 ลูก...ลาวจะเข้ารอบ
แหม..ไอ้เราก็อุตส่าห์ซึ่งในน้ำใจ
แต่ก็นะ...กีฬาก็งี้แหละ

แล้วก็ตามความคาดหมาย.....แพ้ไป 4-0

ทีมไทยจริงๆก็ไม่ค่อยเสียใจไรมากมายหรอกแต่รู้สึกจะสะใจมากกว่าที่เวียดนามตกรอบ
แหมพี่แกเล่นแรงมากอ่ะ....
จนพี่บางคนหันมาถามความรู้ภาษาเวียดนามอันน้อยนิดเท่าหางอึ่งของเราว่า...
จะด่าพ่อมันนี่ต้องพูดว่าไงเหอๆ

แต่ก็นะ...พี่คนลาวที่มาเล่นให้ทีมเราคนนึงเค้าขาพลิกอ่ะบวมเป็นลูกมะนาวเลย บรื๋อ~
ก็เลยรีบพาส่งโรงพยาบาลกันยกใหญ่

หลังจากนั้น...เราก็ไป Umeda เ
พราะเมื่อคืนนี้มีเพื่อนฝรั่งคนนึงมาเคาะประตูห้องบอกว่า
วันนี้จะมีงาน Beer Festival ที่ตึกแฝดชื่อดังของ Osaka คือ Sky Building

เค้าก็บอกว่าอยากให้เด็ก OUSSEP ทุกคนไป
ไอ้เราจะไม่ไปอีกมันก็ยังไงอยู่...ถึงแม้ว่าเราจะไม่ดื่มเบียร์ก็เหอะ....

ไม่ใช่เพราะอะไร...
เพราะมันอ้วนง่ะ เหอๆ

ห้าโมงเย็นไปถึงสถานที่นัดตามเวลา..
พอมากันครบแล้วก็พากันไปที่ตึกนั้น (ดูรูปๆ สวยมั่กๆ)

แล้วก็เดินดูนู่นนี่...
มีเบียร์จากทั่วโลกมาเปิดเลยนะเนี่ยแต่ก็นะ..
เราไม่ดื่ม เพราะฉะนั้นก็ไม่ได้ส่งผลอะไร

ไม่วายมีเบียร์สิงห์ด้วยนะ...เห็นคนถือเยอะเหมือนกัน
ภูมิใจแทนประเทศชาติ เหอๆ ถึงแม้มันจะเป็นเบียร์ก็เหอะ
แล้วก็มีการแสดงบนเวทีด้วยนะ....

แต่วันนี้เราขอกลับเร็ว เพราะแอบเบื่ออ่ะนะ..
และอีกอย่าง....วันนี้จะเอาหม้อหุงข้าวให้ได้
และห้าง Yodobashi Umeda
ซึ่งเป็นสถานที่รวบรวมเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิดที่ใหญ่มากๆในโอซาก้ามันจะปิดตอนสามทุ่ม

เลยออกมาตอนเกือบสองทุ่ม...
พร้อมกับมีเพื่อนกลุ่มนึงที่เบื่อและเหนื่อยซึ่งเป็นคนจีนสัญชาติแคนาดาสามคน และคนอเมริกันหนึ่งคน
แล้วก็ไปซื้อหม้อหุงข้าว

เย้!!!! ในที่สุดเราก็มีหม้อหุงข้าว
แล้วรู้ไรป่ะ..ว่ามันฟรีเพราะว่าวันก่อนเราไปซื้อ dict ที่นี่อ่ะแหละซึ่งราคาเกือบ 30,000 เยน
แล้วที่นี่เค้าจะมีการสะสมแต้มอ่ะ โดยเอา 20% ของราคาสินค้าที่ซื้อมาทำเป็นแต้มแล้วแต่ละแต้มมีค่า 1 เยน...

เพราะฉะนั้นเรามีแต้มประมาณ 6,000 กว่าเยนและหม้อราคา 5,000 กว่าเยนอิอิ...ได้หม้อฟรีมาซะงั้นอ่ะ

จริงๆก็กะว่าจะเก็บแต้มไว้ซื้ออย่างอื่นกลับบ้านนะแต่ก็ไม่รู้จะซื้ออะไรอยู่ดีเพราะเราก็ไม่ใช่พวกที่เก่งเรื่องเครื่องใช้ไฟฟ้าไรอยู่แล้วอ่ะ เหอๆ
แล้วก็ไปกินข้าวเย็นกัน...เราก็นะ...กะผอมเลยไม่กินกินชานมไป 1 แก้ว...

ซึ่งรู้ไรป่ะ..เพื่อนแคนาเดียนคนนึงกินพิซซ่าใหญ่กว่าถาดเล็กบ้านเรานิดนึงด้วยราคา 700 เยน...
แต่อีชาเย็นของเราอ่ะ.................ราคา 450 เยน!!!!!

โอ้แม่เจ้า...!!!
แล้วก็กลับบ้านพร้อมกับความรู้สึกโง่ติดตัวมา

วันนี้แอบดีใจอ่ะ...มีเพื่อนฝรั่งสองคนมาทักเราว่าเราเคยไปเรียนเมืองนอกมาเปล่าเพราะ
"Your English is so good..."โอ้โห..เรานี่มียืดอ่ะ

กะอีแค่สองเดือนในออสเตรเลีย กับการดูหนังฝรั่งนี่ทำให้เรามีสำเนียงฝรั่งไปได้เลยเหรอเนี่ย
ก็เพราะงี้แหละ...เลยนั่งเปิดทีวีกรอกหูทุกวันทั้งๆที่ไม่เข้าใจว่ามันพูดอะไร
ก็มันได้สำเนียงอ่ะ..จริงๆนะ

เพราะฉะนั้นทุกๆคนจำไว้นะ...ทีวีเนี่ยมีประโยชน์มากๆในการเรียนภาษาเลยล่ะ อิอิ
บาสน่ะ
Osaka Sky Building
OUSSEP Girls

Wednesday, October 05, 2005

ผู้จัดการทีมฟุตบอล!?!?

ขอโทษที..ไม่ได้มาบ่นอะไรให้ฟังซะหลายวัน
จริงๆแล้วตอนนี้มันก็ยังไม่มีอะไรตื่นเต้นหรอก
แต่มีหลายเสียงเรียกร้องให้มาบ่นอะไรให้ฟังซะที

เหมือนกะว่าไดอารี่เรานี่จะมีคนติดตามอ่านเยอะเหมือนกันนะ
เนี่ยกลับเมืองไทยไป..รวมเล่มขายดีมะ หุหุ

อ่า..ขอเล่าย้อนหลังละกันเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา...
ก็พยายามจะไปเปิดบัญชีหลังจากที่วันศุกร์ได้พยายามจะไปเปิดแล้วแต่มันไม่ให้เปิดจำได้มะ

คราวนี้ก็พยายามไปตื้อไอ้ธนาคารเดิมนี่แหละ คือ UFJ
เจ๊แกก็พ่นภาษาญี่ปุ่นอย่างรัวมา..
เป็นกระสุนปืนกลเลยทำเอาพี่อ้นก็แอบปาดเหงื่อเหมือนกัน...

สรุปแล้ว...เจ๊แกก็ไม่ให้เราเปิด...without อินคัง!!!
ก็เลยเปลี่ยน..ไม่ง้อก็ได้ฟระ!

ในที่สุดก็มี 1 ธนาคารที่ยอมให้เราเปิดบัญชีได้นั่นคือ Mitsui Tsumitomo
ขอสรรเสริญธนาคารนี้อย่าสุดซึ้ง...

หลังจากนั้นก็ได้ไปช็อปปิ้งเหอๆแต่ไม่ต้องห่วง..
วันนี้ไม่ใช่ของแต่งบ้านแน่นอน

จำได้ไหม...ว่าหลังจากที่ทีมเบสบอลฮันชินไทเกอร์ชนะ
ก็ทำให้เราได้สินค้าในราคาถูกมากมาย

ตอนนี้ (วันจันทร์) มันก็ยังไม่เลิกลด เหอๆ
โดยเราและพี่อ้นได้ไปที่ห้าง Hanshin Umeda
ซึ่งเป็นสปอนเซอร์ใหญ่ของทีม...เหมือน Carlsberg สนับสนุน Liverpool ทำนองนั้น

โอ้...ลดกระหน่ำผู้คนจากหลากหลายสารทิศ (รวมทั้งเรา)
ก็เบียดเสียดยัดเยียดกันเพื่อสินค้าราคาถูก

ส่วนเรา...ก็ได้กระเป๋า Le Sport Sac ในราคาลด 40% (6000 เยน) มา...
ดีใจเอ๊ยดีใจจังรวมถึง...เสื้อโค้ต 1 ตัว (3000 เยน)
ซึ่งแม่เราได้ถามว่า ทำไมกระเป๋ามันแพงกว่าเสื้อหว่า -_-"
และ...เหอๆ รองเท้าบู๊ทส้นสูง 1 คู่ (10,000 เยน)

อ๊ะๆๆๆ อย่าเพิ่งว่ามันแพงนะอันนี้ได้รับการันตีจากพี่อ้นมาแล้ว
ว่ารองเท้าบู๊ทหนังแท้ราคา 10,000 เยนนี่มันหาไม่ได้อีกแล้วนะน้อง

เราก็...ออกแนวเชื่อคนง่ายก็เลยซื้อซะงั้นอ่ะ เหอๆ
เอาไว้ใช้หน้าหนาวไงๆๆๆเข้าใจเราหน่อยสิ เราเป็นคนผิวบอบบางต่ออากาศหนาว เหอๆ

............................................................................

ตอนนี้เรารู้สึกว่าเราเป็นอารมณ์เดียวกับเจ๊ในเรื่อง The Secret Dreamworld of a Shopaholic เลยหว่ะ
เหอๆ..แนวพยายามหาข้อแก้ตัวให้กับการใช้ตังค์ของตัวเอง
คือ..ยังไงกรูก็มีเหตุผลในการซื้อเสมออ่ะ

ใครไม่เคยอ่าน..ลองไปหาอ่านดูนะตอนนี้ออกภาคภาษาไทยมา 4 เล่มแล้ว
ส่วนเล่ม 4 เรายังอ่านไม่จบ...เพราะได้มาที่นี่ซะก่อน
หนังสือก็ได้วางอยู่บนชั้นหนังสือที่บ้านกองรวมกับหนังสือที่ซื้อมาแต่ยังไม่ได้อ่านอีกเพียบ เหอๆ

อ่อ..สรุปแล้ววันจันทร์ก็ได้เดินแค่ชั้นกระเป๋า รองเท้าอย่างเดียว
เพราะแค่ลองรองเท้า เลือกกระเป๋า กับการฝ่าฝูงชนก็เป็นเวลานานพอดู
ก็แอบเสียดายเหมือนกันนะ...ลดครั้งยิ่งใหญ่ขนาดนี้ นานๆมีที

...........................................................................

หลังจากที่ได้เปิดเรียนมาแล้วเมื่อวันจันทร์แต่ก็นะ..
แนวเดียวกะบ้านเราแหละแจก Syllabus แล้วก็ Intro เล็กน้อย แล้วก็กลับ

วิชาแรกที่ได้รับการ Intro ไปนี่ช่างเหมือนวิชา อ.สรวิศสิ้นดีอ่ะ
แค่เปลี่ยนเป็นเรื่องญี่ปุ่นแค่นั้นเอง...
แต่ก็มีแนว gender, หนัง และ อาหารการกินที่เป็นแนว globalization อยู่
ชื่อวิชา Japan In and Out

อ่อ..วิชานี้มี term paper ด้วยนะ...5-10 หน้า 50 คะแนนซึ่ง...เ
ราคงเอารายงาน อ.สรวิศที่เคยทำไว้มา reuse อ่ะแหละ เหอๆๆ
บอกแล้ว...ปีนึงเนี่ยมาเที่ยวๆ เรียนนี่ ขำๆ

พอมาวันนี้..ตอนเช้ามี Placement test วิชาภาษาญี่ปุ่นคือเราก็ทำไม่ค่อยได้หรอกนะ...
ขนาดคาตะคานะเรายังอ่านไม่ออกเลย -_-"
แต่ก็หวังไว้เหมือนกันว่าจะไม่อยู่แค่ระดับ 1เพราะขี้เกียจมานั่งเริ่มอ่านฮิรางานะใหม่อ่ะ เหอๆ

ก็แล้วแต่ดวงอ่ะนะ...แต่ก็คงรอดระดับ 1 ไปยากอ่ะ
อ่อ..มีสอบคันจิด้วยนะแต่เราไม่ได้เข้าสอบ...
จะไปทำได้ไงวะ รู้จักอยู่ไม่เกิน 5 ตัว

แต่..ขอบอกพวกหนุ่มสาวจีนทั้งหลายออกมาจากห้องสอบต่างคนต่างบ่นว่า"Crazy easy!!"
กว๊ากกกกกก................สู้ไม่ได้อ่ะ

หลังจากนั้น....ก็พาสาวแคนาดาคนหนึ่ง
ซึ่งเพิ่งมาและได้รู้จักโดยบังเอิญเมื่อสองสามวันนี้ไปส่งที่โทโยนากะ (คือแถวบ้านเราเอง)
แล้วระหว่างจะเดินไปหาพี่อ้นที่โรงอาหาร ก็มีสองสาวญี่ปุ่นเข้ามาทัก

แกก็พ่นภาษาญี่ปุ่นใหญ่เลย...คือ..แกนึกว่าเราเป็นคนญี่ปุ่นอ่ะ
ซึ่งมันก็เกิดขึ้นกับเราเป็นประจำอ่ะเมื่อวานยังมีลุงคนนึงเดินมาถามทางเลย เราก็นะ "วาการาไนๆ"

แต่เจ๊สองคนนี้แกไม่เลิกอ่ะ...
คือแกพยายามทาบทามเราเข้าชมรมฟุตบอลเราก็นะ...
บอกว่าไม่ชอบเล่นกีฬาอ่ะแกก็ไม่ยอม ตื้อๆๆๆ จาให้เราเข้าให้ได้อ่ะ
สงสัยจะให้ไปเป็นผู้จัดการ...

ภาพผู้จัดการทีมฟุตบอลในหนังสือการ์ตูนปรากฎทันที

แว๊บ........

ซักผ้า!ถูบ้าน!กวาดบ้าน!เสิร์ฟน้ำ!

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด..........

แต่ไม่ทันจะหมดความคิดนั้น เจ๊สองคนก็ได้เบอร์เราไปแล้วเหอๆ..อีท่าไหนไม่รู้หว่ะ
แต่ก็คิดในแง่นะก็ดีเหมือนกันที่จะได้สมาคมกับคนญี่ปุ่นบ้างจะได้พูดเป็นไวๆ อิอิ

......................................................................................

เอาล่ะ...วันนี้ก็มีเรื่องมาบ่นให้ฟังแค่นี้แหละหลังจากที่เราเล่าให้ฟังเราก็นอนๆๆๆ ไม่ได้ทำไรเลย เหอๆ
แล้วเจอกัน...วันต่อไปน้า~

คิดถึงจ้า

Sunday, October 02, 2005

International Costumes Party

วันนี้ไม่มีเรื่องมาบ่นให้ฟัง
แต่มีรูปมาให้ดู

พอดีวันนี้ที่หอเราเค้าจัดงาน International Costumes Party
ก็มีชุดกิโมโนให้ยืมใส่กันอ่ะ แต่ต้องผลัดกันใส่ใส่แป๊บๆ
ก็ต้องรีบถ่ายรูป แล้วก็ต้องถอดให้คนอื่นใส่ต่อ

เหอๆๆวันหลังถ้ามีรูปมาอวดอีกจะมาใส่ให้ดูนะ

คุณป้ากำลังแต่งตัวให้

เสร็จแล้วจ้า

Saturday, October 01, 2005

เกียวโต....และของแต่งบ้าน (อีกแล้ว)

โอยเบื่อตัวเอง...
วันนี้ก็ไม่วายซื้อของแต่งบ้านมาอีกแล้วนี่ขนาดว่าหนีโอซาก้า...อ
อกไปสู่เกียวโตแล้วนะนับวันของมันจะยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเนี่ย
ตอนกลับเราต้องเสียดายแหงๆแง๊~~~~ ทำงายยยยดีง่ะ

เข้าเรื่องดีกว่า...
วันนี้ไปเกียวโตมาแหละทุกคน
เนื่องจากว่าได้พลาดทริปคันนาซาว่าไปแล้วประกอบกับต้องตาบอกว่าจะไปเกียวโตหาเพื่อนที่อักษรฯพอดี

เลยขอเกาะเค้าไปด้วย เหอๆๆๆๆ (หน้าด้านง่ะ)

ก็ออกไปก่อนเวลานัด คือสิบโมง 1 ชม.เผื่อเวลาหลงไว้แล้วนะเนี่ย

คือ..ความจริงมันควรจะหลงล่ะ
คือตั้งใจไว้ว่าจะไปขึ้นรถไฟสายหนึ่ง
แต่ตอนเช้าออนไลน์เจอพี่พลังพอดี...เลยถามทางเพื่อความชัวร์อ่อ...มันผิดจริงๆง่ะ เหอๆ

ดีนะ...ที่เจอพี่พลัง ไม่งั้นก็หลงเช่นเคย

กร๊ากๆๆๆๆๆ (หัวเราะในโชคชะตาและความโง่)

ไปถึงที่สถานีมินามิเซนริตามเวลานัดหมาย...
รอสักแป๊บต้องตาก็มา แล้วก็พากันขึ้นรถไฟไปเกียวโต

ให้ความรู้สักนิด...
เกียวโตเคยเป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่นในอดีต
ทำให้เกียวโตขึ้นชื่อในเรื่องโบราณสถานและวัดวาอารามต่างๆ
รวมถึงขนมพื้นเมือง และของฝากพื้นเมืองที่นี่ก็มีเพียบตั้งอยู่ในแถบคันไซ (โตเกียวจะอยู่แถบคันโต)
และเป็นเมืองที่อยู่ติดกับโอซาก้าที่เราอยู่ด้วยทำให้การเดินทางครั้งนี้ไม่ยากนัก

ก็ขึ้นรถไฟ rapid ไป....
นั่งๆนอนๆ ใช้เวลา 1 ชม.ครึ่งก็ไปถึงตัวเมืองเกียวโต
แต่ขอบอกไว้ก่อนนะว่าที่ไปวันนี้ไม่ได้ตั้งใจจะไปวัด....
ไม่ได้ธรรมะธรรมโมขนาดนั้น.....คือได้ข่าวว่าข้างของที่นี่ถูกก็เลยกะไปซื้อง่ะ เหอๆๆๆ

แต่พอไปถึงแล้ว....
มันก็ไม่ได้ถูกขนาดนั้นนี่หว่าของส่วนใหญ่ที่ซื้อมาก็คือพวกของจากร้านร้อยเยนเช่นเคย

แล้วก็ยังคงเป็นของแต่งบ้าน -_-"
ท่าทางตอนนี้ห้องจะรกมากแล้วล่ะ เหอๆ

อ่อ...แล้วถามหน่อยว่าใครรู้จักอีทีมเบสบอลที่ชื่อ "ฮันชิน ไทเกอร์" มั่ง
คือตอนนี้ดูทีวีช่องไหน (ที่ฟังไม่รู้เรื่อง) ห
รือเดินไปที่ไหนก็จะต้องมีเรื่องทีมนี้ซื้อเครื่องสำอางมันยังแถมร่มไทเกอร์เลย...
ชั้นล่ะงง

มารู้ที่หลังว่า...
อีทีมไทเกอร์เนี่ย ท่าทางจะเป็นทีมของคันไซ
และปีนี้ได้ชนะถ้วยลีกเบสบอลของญี่ปุ่นซึ่งนานนนนน๊านนนนทีแกจะชนะสักที
ทุกคนก็เลยดีใจกันอย่างมากมาย มีของที่ระลึกขายกันแทบทุกที่ร้านรวงต่างๆก็พากันลดราคาฉลองชัย

ก็...ต้องขอขอบคุณทีมไทเกอร์นะคะ
ที่ถึงแม้เราจะไม่รู้จักอีทีมนี้เลยแต่เป็นพระคุณมากที่ชนะ แล้วทำให้ของลดราคา ฮ่าๆๆๆ

มื้อเที่ยงก็ไม่วายจะกินฟาร์เฟต์ตบท้ายอาหารคาว..สปาเก็ตตี้ฮ่าๆ...
กะว่ามาญี่ปุ่นครั้งนี้จะเป็นแชมป์เปี้ยนนักกินไอติมไปเลยอีไอติมที่ขายตามซูเปอร์นี่ชั้นลองจะหมดตู้แล้วเนี่ย...

ก็กลัวๆอยู่ว่ากลับไปจะใส่ชุดนิสิตไม่ได้ -_-"

พอเดินจนเมื่อย...
แล้วก็ได้มาแต่ของแต่งบ้านแล้วก็แยกกับแนน (เพื่อนอักษรฯของต้องตา)
แล้วก็นั่งรถไฟกลับโอซาก้า...คราวนี้ได้นั่งสาย express (ด่วนพิเศษ)
ทำให้มาถึงอุเมดะด้วยเวลาเพียง 40 นาทีหลับยังไม่ทันครึ่งตื่นเลย....ง่ะ

พอมาถึงก็รู้สึกว่ามันคงจะเร็วเกินไปที่จะกลับบ้านก็เลยพากันไปเดินต่อ...ที่ห้าง Loft อุเมดะ

อ่อ...Loft ที่นี่ไม่ใช่อีร้านกระจ้อยร่อยในสยามนะเธอ
แต่มันเป็นห้างขนาดใหญ่ 8 ชั้น...มีของขายครบครันแล้ว...รู้ป่าวว่าเราได้อะไรมาจาก Loft

..............

กะทะ....เทปล่อนอย่างดี

ง่ะ...ก็หาซื้อข้างนอกไม่ได้อ่ะ

หลังจะเดิน Loft เสร็จก็ได้พากันไปเดินตามตรอกซอกซอยต่างๆเจอซอยนึงเต็มไปด้วยเครื่องเกมเครน...
(ไอ้เครื่องหนีบตุ๊กตาในตู้น่ะ)และรวมถึงตู้ปาจิงโกะ....

พอเริ่มรู้ว่ามันไม่ใข่แนวเราแล้วก็เลยกลับบ้าน เหอๆๆๆ

สรุปแล้วไปเกียวโตวันนี้....
ก็ไปซื้อของแต่งบ้านเหมือนเดิมอ่ะแหละ
เหอๆๆๆเสียค่ารถไฟเปล่าประโยชน์สุดๆอ่ะ
อ่อ...แล้วที่ตั้งใจว่าจะกลับบ้านเร็วสักวันเพื่อว่านอนแช่น้ำอุ่นเนี่ย...
มันไม่เคยได้ทำเลยหว่ะ...กลับบ้านดึกทุกวัน เหอๆๆ

เพื่อนร่วมทาง พาร์เฟ่ต์...สังเกตุถ้วยกลาง

พนักงานขายก็ใส่เสื้อไทเกอร์!!!