Just another *Tokyo* story
I wrote this blog 3 days ago on my computer and today I`m at my host family`s house in Hokkaido...ummmm it`s superrrrrrrr contryside place. Just have chance to use internet, well, kinda hiding though... Anyway, just wanna update it..enjoy!!!
สวัสดีทุกคน..
หายไปนานเลย หวังว่าคงยังอ่านกันอยู่นะ หุหุ
จริงๆแล้วมีเรื่องให้เล่ามากมายเลยอยากที่บอกไว้ในบล็อคคราวที่แล้ว ดวงเดินทางมันกำลังพุ่งอย่างแรงงงงง อิอิ
คราวนี้ขอเล่าเรื่องตามลำดับเวลาแล้วกัน เริ่มด้วยเรื่อง "โตเกียว" (อีกแล้ว)
ครั้งนี้เป็นครั้งที่ห้าแล้วที่ได้ไปเหยียบโตเกียว
ครั้งแรกตอน ม.5 ไปกับแม่สองคน มั่งแหลก ภาษาญี่ปุ่นก็ไม่ได้ แต่ก็หนุกดี
ครั้งที่สองไปกับทัวร์ตอนปีสอง ขึ้นปีสาม ครั้งนั้นก็ไม่ได้ทำอะไรอ่ะตามๆเค้าไปเรื่อยๆ ไปโตเกียวด้วยไปเมืองอื่นๆด้วย
ครั้งที่สามเมื่อปีที่แล้วมา conference โครงการ HPAIR ไปกับเพื่อนๆที่คณะ ก็มั่วเหมือนกัน ขึ้นรถไฟมั่วซั่วกันพัลวัน
ครั้งที่สี่คือเมื่อตอนเดือนมีนาฯ ที่ผ่านมา แบบว่ามันว่างๆก็เลยไป ใครที่ไม่รู้เรื่องนี่เชยมากคลิ๊ก
ครั้งที่ห้า...
ที่ไปโตเกียวก็เพราะว่าจะต้องไปขึ้นเรือเพื่อจะไปโครงการ homestay ที่ Hokkaido อ่ะนะ แล้วก็ไหนๆก็ไหนๆแล้ว มีเพื่อนอยู่ตั้งเยอะแยะ อาจจะเรียกว่าเป็นทริปเยี่ยมญาติมากกว่าเที่ยวอ่ะนะ ก็แหม.. โตเกียว เที่ยวจนหมดแล้วอ่ะนะ
ขึ้นรถทัวร์ออกจากเกียวโตตอนเที่ยงคืนของวันที่ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา ใช้ชีวิตกลิ้งๆอยู่บนรถ ก็แทบไม่ได้นอนเหมือนกัน จะได้นอนได้ไง พอจะหยุดพักให้เข้าห้องน้ำทีนึง มันก็ต้องเปิดไฟให้หมดทั้งรถทุกทีสิน่า..
ถึงโตเกียวตอน 7 โมงเช้าของวันที่ 18 สิงหาคม..
สถานีโตเกียว
วันแรก มีนัดกับ "พี่แดก" เพื่อนๆที่คณะคงรู้อยู่แล้วว่าพี่แดกเป็นใคร แต่คนอื่นๆคงไม่รู้จัก เหอๆ
พี่แดกเป็นรุ่นพี่ที่คณะ ที่บังเอิญมีรหัสตรงกัน (แต่ก็นะ สายรหัสจับฉลากเอา ก็เลยไม่ได้เป็นพี่รหัสอะไรหรอก ก็ติ๊ต่างไปเองอ่ะรหัสมันตรงกัน)
ปีที่แล้วพี่แดกมาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนเหมือนเราที่ Kanazawa ปีนี้ฤกษ์งามยามดี กลับมาเป็นนักวิจัยอีกครั้งที่จังหวัด Shiba ซึ่งอยู่ติดกับโตเกียวน่ะแหละ (สนามบินนาริตะ และดิสนีย์แลนด์มันอยู่ที่ชิบะนี่แหละ ไม่ได้อยู่ที่โตเกียวแต่อย่างใด แต่ก็ไม่เข้าใจทำไมถึงเรียกว่า Tokyo Disneyland)
พี่แดกมาพบเราตั้งแต่แปดโมงเช้า แบบว่าซึ้งใจมาก ไม่รู้ออกจากบ้านตั้งแต่กี่โมง ...
สถานที่แรกที่จะพาไปวันนี้.. คงเคยได้ยินกันบ่อยๆ ศาลเจ้า Yasukuni อันโด่งดังนั่นเอง..
Yasukuni Shrine (靖國神社, Yasukuni Jinja) (literally "peaceful nation shrine") is a controversial Shinto shrine located in Tokyo, Japan, dedicated to the spirits of soldiers and others who died fighting on behalf of the Japanese emperor.
In October 2004, its Book of Souls listed the names of 2,466,532 men and women, including 27,863 Taiwanese and 21,181 Koreans, whose lives were dedicated to the service of Japan, particularly to those killed in wartime. This includes a total of 1,068 convicted of war crimes by a post WWII court, including 14 convicted of Class A war crimes ("Crime Against Peace"). The shrine also contains a controversial and allegedly revisionist history museum.
Visits to the shrine by government officials have been a cause of protest at home and abroad. The China and South Korea have protested against various visits since 1985. Despite the controversy, the current Prime Minister Junichiro Koizumi has made annual visits since 2001.
กับพี่แดกที่ยาสุคุนิ
หลังจากนั้นก็เดิน... กลับไปสถานีโตเกียว (ตอนแรกนั่งรถไฟมาประมาณสามป้าย)
ที่เดินก็เพราะว่า ระหว่างทางนี้ยังมีสถานที่สำคัญๆอีกสองที่ก็คือ Budokan
ไม่ใช่นักร้องไทยแต่อย่างใด อย่ามาเสี่ยวๆ เหอะๆ บุโดคังนี่เป็นสถานที่จัดทัวร์นาเม้นท์กีฬาสำคัญๆที่โตเกียว และยังมีการจัดแสดงคอนเสิร์ตหลายๆครั้งด้วย
บุโดคัง
หลังจากนั้น.. ด้วยความหวังอันเต็มเปี่ยม จะไป Imperial Palace กัน.. เป็นทางผ่านพอดี
แต่ทว่า...
วันศุกร์ปิด -_-"
ก็เสียแรงเมื่อยกันไป ร้อนก็ร้อนอ่ะนะ
กลับมาถึงสถานีโตเกียว ก็เดินอีก เดินหา Starbucks กันสองคน จะเป็นบ้าหรือเปล่านะ กินกาแฟยี่ห้ออื่นก็ไม่ได้ เหอๆ
นั่งพักประมาณชั่วโมงนึง ก็ขึ้นรถไฟไปย่าน Odaiba กันนนนน
โดยเราเปลี่ยนไปนั่งรถไฟลอยฟ้าชื่อว่า "Yurikamome" แพงทีเดียว แต่ด้วยคำแนะนำของพี่นิ เราจึงซื้อตั๋ววันมาในราคา 800 เยน นั่งกันสุดคุ้มอ่ะ (ถึงแม้พี่แดกจะทำตั๋วหายไปวินาทีสุดท้ายที่จะขึ้นรถรอบสุดท้าย เหอๆๆ)
ตั๋วยูริคาโมเมะ
นั่งรถไฟยูริคาโมะเมะ ข้ามสะพาน Rainbow Bridge มายังย่านโอไดบะ
Rainbow Bridge
ย่านโอไดบะเนี่ยนะ เค้าว่าเป็นสถานที่เดทที่สำคัญของโตเกียวทีเดียว เนื่องจากวิวตอนกลางคืนจะสวยมาก รวมถึงยังเป็นศูนย์รวมของสิ่งก่อสร้างหน้าตาแปลกๆ แต่มองๆไปก็ดูสวยดี คือ
ฟูจิเทเลบิ - Fuji Television
วันนี้มีอีเวนท์อะไรก็ไม่รู้อ่ะนะ คนมากมายมหาศาล คือกะไปเดินสบายๆ ต้องไปแย่งกับชาวบ้านเพื่อเข้าไปดู ก็เลยได้เข้าไปแป๊บเดียว ... แล้วนี่ขนาดหนีออกมาแล้ว เพื่อจะไปกินข้าวตึกตรงข้าม มันก็ยังไม่มีที่ให้นั่งกิน ให้ตายเหอะ คนมันเยอะจริงๆ ทะลักกันมากินที่ตึกตรงข้ามกันหมด เบื่อๆ คนเยอะ
Venus Fort คาดว่าคงเป็นย่านช็อปปิ้งธรรมดาๆ ตั้งอยู่บริเวณ Palette Town แต่ว่าเค้าตกแต่งออกแนวยุโรปๆ เลยเข้าไปถ่ายรูปกันหน่อย สวยๆ
Test Dive at Toyota Motors
มีศูนย์ Toyota ด้วย ก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่เพราะเคยไปที่เมืองโตโยต้า มาแล้ว เหอๆ ที่นี่เดะๆ
อ่อ แต่ที่นี่มี Test Drive ด้วย คนต่อคิวกันขับรถเล่นกันใหญ่เลย
แล้วก็ไม่วายจะมีชิงช้าสวรรค์ สิ่งก่อสร้างยอดฮิตเหลือเกินในญี่ปุ่น ไปที่ไหนมันก็มีให้ตายเหอะ
ตึกนี้ชื่อว่า Tokyo Big Sight เป็นตึกที่ใช้จัด exhibition ต่างๆ แต่ว่าวันนี้รู้สึกว่าจะไม่มีอะไร ก็เลยไม่มีคนเลย เราก็เลยไปนั่งเล่นๆให้มันเย็นๆและหายเมื่อยกัน นั่งเม้าท์แตกกันสองคน... ได้รู้เรื่องอะไรที่ไม่เคยรู้มาหลายเรื่อง เรื่องอะไรอ่ะเหรอ.. ไม่บอกหรอก หุหุหุหุหุหุหุ
หลังจากนั้นก็ออกไปถ่ายรูปวิวโอไดบะยามค่ำคืน...
วันแรกจบลงที่สถานทีโตเกียวเช่นเคย นาโฮโกะมารับ ไปกินข้าวด้วยกันสามคน แล้วก็แยกกับพี่แดก...
ขอบคุณมากนะค๊าา... อุตส่าห์พาเที่ยวตั้งหนึ่งวัน อากาศก็ร้อนตับหดขนาดนี้
.........................................
19 สิงหาคม..
วันนี้ก็มีนัดเหมือนกัน นัดนี้นัดกันไว้หลายเดือนแล้ว วันนี้ฤกษ์งามยามดี ได้กลับมาโตเกียวอีกครั้ง
นัดครั้งนี้นัดกับ "พี่นิ" ไว้ เพื่อจะไปกินบุฟเฟต์เค้กกันล่ะก๊า...
สมาชิกวันนี้คือ
P`Nui, P`Ple and P`Pom
P`Pook, Bow and P`Ni
นัดกันไว้ที่ Shinjuku ร้านนี้ตั้งอยู่บนห้าง Takashimaya ให้ดูรูปเค้กหน้าร้านกันก่อน งืมมมม
เค้กที่สั่งกันมามีหน้าตาเป็นแบบนี้... งืมมมมมม
คือว่า.. ขอยอมแพ้ให้กับพี่ๆทุกคน คือเราร่ำร้องจะมากินมาก พี่นิก็ท้าไว้แล้วนะว่ากินน้อยไม่ได้นะไม่คุ้ม คือสุดๆอ่ะ เราว่าสี่อย่างก็เยอะแล้วนะ คนอื่นคนละหกค่ะคุณผู้ชม... กระเพาะโตมั่กๆพี่ๆ เหอๆ
หลังจากนั้นเรากับ พี่นิ พี่นุ้ย และพี่ปุ๊กก็เดินทางไป Akihabara กัน
อากิบะนี่เป็นสถานที่หนึ่งในโตเกียวที่เราไม่เคยไปอ่ะนะ คือปรกติก็ไม่ได้ชอบเครื่องใช้ไฟฟ้าอะไรอยู่แล้ว แต่วันนี้แบบว่าอยากไปค่ะ อยากไปเจอโอตาคุตัวจริง เหอๆๆๆ
คงรู้กันใช่ไหม "โอตาคุ" คืออะไร... ถ้าไม่รู้ก็ไปหาละครหรือหนังหรือการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่อง Densha Otoko มาดูๆกันนะ หรือไม่ก็คลิ๊กอากิบะนี่เป็นสถานที่สำคัญที่สุดที่หนึ่งของเหล่าโอตาคุทั้งหลายเลยทีเดียว
แล้วรู้ไหมว่า.. ได้เจอจริงๆ เหอๆๆๆ
แล้วก็ไม่วายจะต้องมี maid มาแจกใบปลิวกันอ่ะนะ
และ...คนขายของที่น่าสะพรึงกลัว
วันนี้ขอบคุณพี่ๆมากนะคะ แล้วเจอกันที่เมืองไทยเน้อ รอบนี้คงไม่ได้ไปแล้วอ่ะโตเกียว (หลังจากที่บอกว่าจะไม่ไปมาหลายครั้งแล้วก็ต้องได้ไปทุกที เหอๆ)
............................................
20 สิงหาคม...
วันนี้จะต้องเดินทางไปโครงการ homestay ที่ Hokkaido แล้ว แต่ก็ไม่วายจะมีนัด เอามันให้จนวินาทีสุดท้ายเลยสิ เหอๆๆๆ คือมีเพื่อนอยู่โตเกียวเยอะอ่ะ แล้วอยากเจอทุกคนอ่ะนะ เหอๆ
ตอนเช้าก็บอกลากับนาโฮโกะ ขอบคุณนาโฮโกะมากนะ ช่วยดูแลเราอย่างดี ให้ที่อยู่แล้วยังตามไปรับไปส่งทุกที แล้วเจอกันเน้อออ
อ่อ.. วันนี้มีนัดกับเพื่อนสุดเท่ห์จ๊ะ อิอิ Masahiro นั่นเอง เข้าไปอ่านเรื่องโตเกียวคราวที่แล้วได้ คราวนี้นัดเจอกันอีกแล้ว ไม่เท่ห์เหมือนคราวที่แล้ว ตอนแรกที่เห็นแอบตกใจเล็กน้อยคือจำไม่ได้ แต่เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นกับชายชาวญี่ปุ่นอ่ะนะ ที่สังเกตุมาเนี่ย คือหน้าหนาวแต่งตัวโคตรดี แต่หน้าร้อนแต่งตัวไม่ได้เรื่อง เหอๆ นิดนึงนะจ๊ะ
แต่วันนี้เธอเจ้นท์มากนะคะ ถึงแม้จะไม่เท่ห์เหมือนคราวก่อนก็ตาม เหอๆ เธอชวนคุยเยอะมากๆเหมือนเดิม คุยสนุกเหมือนเดิม คราวนี้ยังเลี้ยงข้าว ยกกระเป๋าให้ แถวพาไปส่งถึงสถานที่ที่เราต้องไปอีกด้วย โอ้..มาย..ก้อด หนุ่มญี่ปุ่นคนนี้ช่างเจ้นท์ต่างกับหนุ่มชาวญี่ปุ่นคนอื่นเหลือเกินนนนนนนน
..................................................
หลังจากแยกกับมาซาฮิโระแล้ว ก็เข้าโครงการโฮมสเตย์กับผู้ร่วมโครงการทุกคนทันที...
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ....
2 Comments:
อิอิ ปล่อยให้นำหน้าไปก่อน อิอิ
แล้วเจอกัน เด้อ สาวน้อย
Hi,
I hope you enjoyed in Daiba. I did walk on the Rainbow bridge and photograph it. my experience here in my blogger walking on rainbow bridge. Read and comment pease.
Siva
Camera Friendly Objects
http://www.camera-friendly.com
Sivakumar's Journey
http://camera-friendly.blogspot.com
Post a Comment
<< Home