เดินทางข้ามสะพานสวรรค์ไปด้วยกันที่ Amanohashidate
สวัสดีค่ะทุกคน
ตอนนี้ต้องขออนุญาติดองเรื่อง Hokkaido Trip เอาไว้ก่อน คาดว่าจะต้องดองเอาไว้เขียนตอนกลับไปเมืองไทยแล้ว เพราะว่าช่วงนี้มีเรื่องจะเล่าให้ฟังทุกวัน
ก็อย่างว่าล่ะนะ เหลืออีกสิบวันก็จะได้เวลาจากประเทศญี่ปุ่นไปแล้ว ใจหายอยู่เหมือนกันนะอยู่มาตั้งปี ก็เลยได้โอกาส..เอาให้เต็มที่เล๊ยยยย หุหุ
เริ่มจากเมื่อวานนี้ เราและพี่ๆอีกสี่คนออกเดินทางไปทางภาคเหนือของจังหวัดเกียวโต ไม่หวั่นแม้อากาศจะมืดครึ้ม (จริงๆแล้วพี่ๆหลายคนซื้อตั๋วรถไฟราคาพิเศษมา.. หมดอายุวันนั้นแหละ เลยต้องใช้ หุหุ)
ที่ๆจะพาไปวันนี้ ชื่อว่า Amanohashidate (天橋立) แปลเป็นไทยได้ว่า สะพานที่พาดไปสู่สวรรค์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสามสถานที่ที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น ซึ่งเคยไปมาแล้วอีกที่หนึ่งที่ Hiroshima
การเดินทางในวันนี้ เดินทางด้วยรถไฟหวานเย็นเท่านั้น เนื่องจากตั๋วราคาพิเศษที่พี่ๆหลายคนมีนั้นมีชื่อเรียกว่า Seishun 18 Kippu (青春八十切符) ซึ่งเป็นตั๋วรถไฟแบบเหมาจ่าย วันหนึ่งจ่ายประมาณ 2,500 เยนขึ้นรถไฟกี่รอบก็ได้ ไปไหนก็ได้ แต่ทว่า...ต้องเป็นรถหวานเย็นเท่านั้น โปรโมชั่นนี้มีเฉพาะช่วงปิดเทอมหน้าร้อนเท่านั้นนะ วันนี้โรงเรียนต่างๆก็เปิดเทอมกันแล้ว ตั๋วนี้ก็หมดอายุไปโดยปริยาย
ออกจากเกียวโตเวลาเก้าโมงนิดหน่อย ตั้งใจหมายมั่นว่าจะไปถึงที่หมายในเวลาประมาณเที่ยง
พี่น็อต โบว์ และพี่ต้นบนรถไฟหวานเย็น
แต่ทว่า.. เนื่อจากฟ้าฝนไม่เป็นใจ กระหน่ำตกลงมาทำให้รถไฟเลทกันไปเป็นทิวแถว ที่ตั้งใจว่าจะไปถึงตอนเที่ยงกว่าๆ กลับไปถึงตอนบ่ายสองซะนั่น รวมเบ็ดเสร็จใช้เวลาบนรถไฟร่วมห้าชั่วโมง !!!
จริงๆแล้วไม่ใช่มันเลทอย่างเดียวหรอก แต่รถไฟมันหวานเย็นจริงๆ วิ่งช้ามากกกกก เหมือนรถขายไอติม... มองไปข้างนอกเด็กปั่นจักรยานยังเร็วกว่าเลยให้ตายสิ!!
ไปถึงตอนบ่ายสองหน่อยๆ แบกท้องหิวๆไปที่ร้านอาหารข้างทาง อ่อ.. เนื่องจากทางเหนือของเกียวโตนั้นเป็นพื้นที่ติดทะเล ทำให้อาการเที่ยงวันนี้ก็เป็นอาหารทะเลไปโดยปริยาย สูดกลิ่นเกลือทะเลเค็มๆไปด้วย มันทำให้อาหารอร่อยขึ้นบ้างไหมนะ เหอๆ
ทุกคนสั่งเหมือนกันคือข้าวหน้าหอยลาย
จากสถานีรถไฟไปยังจุดชมวิวทำได้สองวิธีคือเดินหรือถีบจักรยานไป ใช้เวลาประมาณ 50 นาที หรือเสียตังค์ขึ้นเรือข้ามฟากไปใช้เวลา 20 นาที... แต่ท่ามกลางฝนตกพรำๆนั้นไม่มีใครอยากเดิน แถมถ้าเดินสงสัยจะได้กลับถึงบ้านเที่ยงคืนเลยยอมเสียเงินขึ้นเรือไปแทน
นอกจากนั้นยังไม่พอนะซาร่า... จะไปดูวิวต้องขึ้นไปบนเขาอีก เลยต้องเสียตังค์ขึ้น rope way กันอีกอย่าง
เมื่อไปถึงที่หมายก็เห็นสะพานสู่สวรรค์ หน้าตาแบบนี้
เห็นแค่นี้อาจจะงงๆ มันขึ้นไปสวรรค์ยังไง... มันมีวิธีดูค่ะ
แล้วจะเห็นวิวเป็นแบบนี้
อืมมมม... เราก็งงๆเหมือนกันว่ามันเป็นสะพานไปสวรรค์ยังไงหว่า ลองจินตนาการดูละกันนะ หุหุ
อ่อ มีตำนานด้วยนะ ที่เค้าเรียกที่นี่ว่าสะพานที่พาดผ่านมาจากสวรรค์ก็เพราะว่า ในอดีตนี้เทวดาบนสวรรค์เนี่ยจะเดินทางมายังโลกมนุษย์เพื่อมาศักการะศาลเจ้าที่อยู่ด้านล่างภูเขานี้ (ชื่ออะไรจำไม่ได้)
ศาลเจ้าที่ว่า เก่ามาก..
แล้วมีอยู่วันหนึ่งสะพานเกิดพังทะลายลงมาทำให้เกิดเป็นลักษณะแบบนี้ขึ้นตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา..
แต่เราว่ายังไงอีทางนี้มันต้องเกิดก่อนศาลเจ้าอยู่แล้วอ่ะนะ เหอๆๆๆ เอาเหอะๆๆ มันเป็นตำนานนนนนน
ถ่ายรูปรวมกันหน่อย
พี่กั๊ก พี่ต้น พี่น็อต พี่อู๋ และโบว์ กับสะพานเชื่อมไปสู่สวรรค์
ปิดท้ายด้วย...
คิตตี้จังและท่ายอดฮิตประจำที่นี่
แล้วพบกันใหม่โอกาสหน้าค่ะ
4 Comments:
ตั๋วเซชุน 2300 เยน ค้าบ
ว่าแต่ ครึ้มๆ มันกอ้ได้อารมณ์สู่สรวงสวรรค์ไปอีกแบบนะ พี่ว่า (ปลอบใจตัวเอง เหอๆๆ)
ว่าแต่น้องคิตตี้นี่ จะตามหลอกหลอนตรูไปทุกที่เลยเหรอนี่ ตอนไปไม่ได้ดูอ่ะว่ามันมีด้วย
สรุป ทริปนี้ ก้อมันส์ไปอีกแบบ
ปล ทำไมต้อง ซาร่า.......
โอ เป็นที่ๆอยากไปแต่ไมได้ไปอ่ะ
เราเคยทำรายงานนำเที่ยวที่นี่ด้วย ฮ่าๆ ถ้าให้ครบสูตรต้องพักเรียวกังโจ๊ะอาหารฟูลคอร์สด้วย
สงสัยมานานว่าตีลังกาดูจะเห็นเป็นแบบไหน แต๊งหลายๆที่ถ่ายภาพมาให้ดูจ้า
ฮาฮา.. มาหัวเราะคิตตี้.. อุตส่าห์ทำท่า Nozoki ด้วย.. เหวออออ
ไม่เคยไปอ่า...
เสียดายที่ฟ้าไม่ใสเนาะ
Post a Comment
<< Home