zz *Bow's Journey Under the RainBow*: April 2006

*Bow's Journey Under the RainBow*

And this is a little journey of me...

Wednesday, April 26, 2006

เค้กกล้วยหอมมาแว้ววว..



อบเสร็จสดๆร้อนๆ...
หอมฉุยเลย หุหุ

ตอนนี้ความอยากทำขนมของเราได้รับการตอบสนองแล้ว
ออกมาเป็นเจ้าเค้กกล้วยหอมที่เห็นนี่แล้วจ้า~

ถึงแม้จะแอบทุลักทุเลเล็กน้อย
คือตอนแรกไม่มีเตาอบ..
แล้วก็ไปเอาเตาอบจากมุกมา .. พิมพ์เค้กที่ซื้อมาก็ใหญ่ไปอีก
เลยต้องปั่นจักรยานไปซื้อพิมพ์กระดาษที่ร้านร้อยเยนมาใหม่

หลังจากนั้น...
ก็มาสังเกตุเห็นว่า เตาอบที่ได้มานั้น.. มันไม่มีที่ปรับอุณหภูมิ -_-"
เลยไปโพสกระทู้ถามในพันทิปโต๊ะจตุจักร ห้องอาหาร
สรุปแล้ว... เตาเอาที่มีอยู่นั้น
ใช้อบขนมไม่ได้ค่ะ................
....................................
....................................
นั่งนิ่งๆอยู่อีกสองวัน
เพราะตอนนั้นคิดว่า ชั้นจะไม่อบแล้วจริงๆเหรอเนี่ย
อยากทำ อยากทำ อยากทำ อยากทำ อยากทำ

แต่แล้วก็มีอีกคนนึงเข้ามาตอบบอกว่า
เมโครเวฟที่ใช้เป็นเตาอบได้เนี่ย ใช้อบขนมได้ค่ะ

ก็เลยไปขอให้เตาอบห้องมุก...
โดยที่ตอนแรกแอบดื้อใช้เตาอบที่ตัวเองมีอยู่
ลองผิดลองถูกอยู่สักพัก ทำให้ไหม้ไปสองถาด -_-"

ควันขโมงเลย..

แล้วก็เดินลงไปอบห้องมุกแต่โดยดี

แล้วก็ได้มาอย่างงี้แหละค่า~

ถึงแม้หน้ามันจะขาวไปหน่อย (อยากให้มันเกรียมๆอ่ะ)
แต่ก็ออกมาดูดี พอใจแล้วค่า

ต่อไปคงไม่ทำขนมอบแล้วล่ะ
กลับมาทำขนมไม่อบต่อไปละกัน

เมนูต่อไป...
คาดว่าจะเป็น
"สังขยาฟักทอง"

ฮ่าๆๆๆๆ...
ก็ต้องรอดูกันต่อไป

Monday, April 24, 2006

รับน้องเกียวโต ณ ริมแม่น้ำคาโมะ

อ่านหัวข้อแล้วงงอ่ะดิ..
รับน้องเกียวโต แล้วเราไปเกี่ยวอะไร???

กร๊ากกกกกกกกกกกกก

บอกแล้วเป็นลูกครึ่งเกียวโต
พี่น้องพ่อแม่ลุงป้า ฯลฯ อยู่เกียวโตกันเพียบเลย เหอๆๆ

พอดีเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา..ตามหัวข้อแหละ คือไปงานรับน้องเกียวโตมา
เป็นแขกรับเชิญ....เพื่อไปช่วยพี่ใหม่ทำกับข้าว เหอๆๆ

ถึงบ้านพี่ใหม่ตอนหกโมงครึ่งวันศุกร์ ก็หั่นผักปลากันไปแล้วก็เริ่มทำแกงเขียวหวาน
จนประมาณสามทุ่มหน่อยๆก็ย่างหมูสะเต๊ะกัน

ย่างกันจนควันขโมง...
ผ้าปูที่นอนหมอนมุ้ง ห้องน้งห้องน้ำกลิ่นหมูสะเต๊ะไปหมด

แล้วก็นะ..
ย่ากันตั้งแต่ละครมังกรซ่อนพยัคฆ์ยังไม่มา (คือ..ยังดูละครไทยกันอยู่ ฮ่าๆๆ)
คือตอนเกือบสี่ทุ่มที่นี่ จนละครจบ รายการหลังจากนั้นจบไปอีกสองรายการ
ก็ยังย่างไม่เสร็จ -_-"

ไปเสร็จครึ่งนึงตอนตีหนึ่งครึ่ง!!!

นอนละเมอฝันเห็นหมูปิ้งไปเลย..
เพราะล้มตัวลงนอนแล้ววิญญาณกลิ่นหมูสะเต๊ะยังลอยละล่องมาให้พบพาน
ทั้งจากผ้าม่าน พรมเช็ดเท้า ฯลฯ

ว๊ากกกก..กลัวแล้ว

................................................................

เช้ามาก็มาทำหมูสะเต๊ะกันต่อ..
คือเมื่อคืนที่ย่างถึงตีหนึ่งเนี่ยนะมันยังไม่เสร็จ
ก็เลยตัดใจ..ไม่ย่างแล้วล่ะ ขอเอาลงทอดละกัน
ถึงแม้จะหน้าตาไม่สวยเหมือนเอาไปย่าง
แต่เอาหน่า ใส่รวมๆกันเค้าก็ไม่รู้หรอกว่ามันปิ้งหรือทอด เหอๆๆๆ

เกือบๆเที่ยงก็เดินไปที่สถานที่จัดงาน
คือริม "แม่น้ำคาโมะ"

ดอกซากุระพันธุ์กลีบซ้อนริมแม่น้ำคาโมะ ใจเย็นบานช้ากว่าเพื่อน จนพันธุ์สีขาวเค้าร่วงกันไปหมดแล้ว แต่ก็ทำให้งานวันนี้สดใสไปด้วยสีชมพู

งายวันนี้มีพี่น้องชาวไทยในเกียวโตมาร่วมงานมากมาย
พร้อมกับแบกข้าวปลาอาหารกันมาคนละมือสองมือ
แล้วอาหารไทยทั้งนั้นคุณผู้ชม ลาภปากดิชั้น


เนื่องจากเป็นแขกรับเชิญ..
เลยได้รับเกียรติให้มีรูปเดี่ยวประดับกล้อง เหอะๆ


พองานเริ่มก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง
ทุกคนมีอาวุธคู่มือเป็นจานกระดาษและตะเกียบคนละหนึ่งคู่
และโต๊ะวางอาหารก็แปรสภาพกลายเป็นสนามรบ
ตะเกียบแต่ละคู่พุ่งตรงไปที่อาหารอย่างรวดเร็ว...

แต่เราไม่ไปแย่งกะเค้าหรอก
งานนี้ต้องขอบคุณพี่ใหม่ ที่ได้เตรียมช้อนและชามมาเอง
ชามใหญ่กว่าคนอื่นสามเท่าได้ สองคนนี้เลยจ้วงได้ใหญ่กว่าคนอื่น ฮ่าๆๆ
เนื่องจากมันเป็นช้อนนั่นเอง ตะเกียบก็คีบได้ทีละนิดใช่ป่ะล่ะ

หลังจากกินเสร็จก็แนะนำตัวกันตามระเบียบ
มีน้องใหม่ที่มาแลกเปลี่ยนจากจุฬาฯด้วย แถมเป็นรุ่นน้องชมรมกิ๊ฟท์
บอกกิ๊ฟท์แล้ว กิ๊ฟท์บอกว่าโลกกลมดีจัง

แล้วก็ถ่ายรูปรวมค่ะ


จบงานก็แยกย้ายกันกลับ ขนจานชามกลับไปล้างบ้านใครบ้านมัน
ส่วนเรา..นึกเหรอว่าจะกลับโอซาก้าง่ายๆ ฮ่าๆๆๆ

เลยไปเกะกันต่อกับพี่ใหม่ พี่น็อต พี่ต้น คนญี่ปุ่นจากชมรมคนรักเมืองไทยอีกสามคน
(ร้องเพลง smap ซะด้วย) และพี่ๆน้องๆที่มาใหม่อีกห้าคน

โอ้..ห่างหายจากคาราโอเกะไปหลายเดือน
มันคิดถึงยังไงไม่รู้ เหมือนขาดอะไรบางอย่างที่สำคัญในชีวิตไป ฮ่าๆๆๆ

ร้องเสร็จก็ขึ้นรถไฟกลับบ้านค่า~!

...........................................................................

สุดท้าย เอารูปธงปลาคาร์ฟ (Koinobori) มาฝาก
คราวที่แล้วอัพเดทเรื่องงานวันเด็กผู้หญิงใช่ป่ะ (ใครยังไม่ได้อ่านก็กลับไปอ่าน)
ธงปลาคาร์ฟนี่เป็นสัญลักษณ์ของวันเด็กผู้ชาย หรือวันเด็กนั่นเอง

วันเด็กผู้ชายยังไม่ถึงหรอก เพราะมันคือวันที่ 5 พฤษภาฯ
แต่ตอนนี้หลายๆบ้านก็ประดับธงปลาคาร์ฟกันแล้ว
โดยปลาตัวบนสุดแทนพ่อ ตัวที่สองแทนแม่ และตัวสุดท้ายคือลูก

รูปนี้อาจจะมองเห็นไม่ชัด
เพราะว่าตอนถ่ายลมมันไม่พัดน่ะ
ไว้คราวหลังไปบ้านไหนแล้วเห็นสวยๆเยอะๆแล้วจะถ่ายมาฝากอีกนะ


..................................................

อ่อ... ตั้งแต่วันเสาร์หน้าจนถึงวันอาทิตย์ถัดไปคือวันที่ 7 พฤษภาฯ
คือวันหยุดสุดแสนยาวของเรา เพราะมันคือ golden week ของญี่ปุ่นนั่นเอง
ตอนนี้มีแพลนที่ดูเหมือนจะชัวร์แล้วว่าจะไปหานาโฮโกะที่ "จังหวัดกิฟุ"
ตั้งแต่วันที่ 3-6 เพราะฉะนั้นคงมีเรื่องและรูปมาฝากกันเยอะแน่ๆ

อย่าลืมติดตามกันนะ...

อ่อ..ก่อนจะถึงวันนั้นก็คงมีเรื่องมาเขียนเรื่อยๆแหละ
เพราะอาทิตย์หน้าจะมีงานโรงเรียน
เดี๋ยวจะบิดขี้เกียจ แงะตัวเองออจากเตียงไปถ่ายรูปมาให้ดูกัน
ว่างานโรงเรียนที่ญี่ปุ่นเนี่ย...
มันเหมือนในการ์ตูนหรือเปล่า หุหุ

(ซึ่งคิดว่ามันคงเหมือนแหละ..ก็นะ การ์ตูนมันก็วาดมาจากเรื่องจริง)

Friday, April 21, 2006

Hinamatsuri...(ที่ผ่านไปนานมากแล้ว -_-")



หวัดดีจ๊ะทุกคน..
ช่วงนี้ไม่ค่อยมีอะไรทำ เลยไม่มีเรื่องมาเล่าให้ฟังมากเท่าไหร่

แต่ก็ไม่ค่อยอยากให้ไดอารี่ร้างไปอ่ะนะ
เลยพยายามหาเรื่องมาเล่าให้ฟัง

พอดีวันนี้ขณะไปเรียน..ก็เดินผ่านเจ้าแผงนี่เข้า
ความจริงมันก็ตั้งมาเป็นเดือนแล้วนะ แล้วก็ไม่เคยสนใจมันเลย
แต่ก็คิดว่าเอามาเล่าให้ทุกคนฟังก็ดีเหมือนกัน (ทั้งๆที่มันผ่านเทศกาลนี้มานานแล้ว เหอๆ)

แท่นที่เห็นนี้เป็นตุ๊กตาที่คนญี่ปุ่นจะตกแต่งทุกปีสำหรับบ้านที่มีเด็กผู้หญิง
เทศกาลนี้เรียกว่า "ฮินะมัตสึรึ" หรือ "วันเด็กผู้หญิง" นั่งเอง

งานวันเด็กผู้หญิงนี้มีทุกปีในวันที่ 3 มีนาคม (บอกแล้วว่ามันผ่านไปนานแล้วจริงๆ)
คนญี่ปุ่นจะจัดแต่งตุ๊กตาฮินะ (雛人形) ที่แต่งชุดกิโมโนแบบโบราณ
และจะปูผ้าสีแดง (緋毛氈) เป็นพื้นของแท่น

ตุ๊กตาที่อยู่บนแท่นจะประกอบด้วยตุ๊กตาจักรพรรดิ จักรพรรดินี
นางในวัง และนักดนตรีในชุดแบบโบราณ

โอย..ขี้เกียจแปลแล้ว ใครอยากรู้ว่าเทศกาลนี้มีความเป็นมายังไงก็เข้าไปอ่านได้ที่นี่เลย http://en.wikipedia.org/wiki/Hinamatsuri

ฮ่าๆ..ในที่สุดความจริงก็เปิดเผย ว่าความรู้ที่เราให้ทุกครั้งก็มาจาก wikipedia ทั้งนั้น เหอๆๆ
แถมคันจิที่เห็นหลายๆครั้งก็ไม่ได้เขียนเองอีกตะหาก ก็อบเค้ามา ฮ่าๆๆ

เอาล่ะ..วันนี้ไม่มีอะไรมาเล่าให้ฟังละ
เอารูปและความรู้เล็กๆน้อยๆมาฝากเฉยๆ

...................................................................

จริงๆแล้วช่วงนี้แอบเบื่อมากๆ เรียนเลิกครึ่งวันทุกวัน แถมวันพุธก็หยุด
นอนอืดอยู่บ้านแทบทุกวัน... กะลังคิดจะหางานอดิเรกทำอยู่
อาจกลับเข้าสู่โหมดเดิม คือโหมดทำขนม ฮ่าๆๆๆ (เดี๋ยวไปเอาเตาอบจากมุกก่อนได้ทำแน่)

แต่ก็นะ.. ลดน้ำหนัก (อย่างจริงจัง) อยู่
เพราะงั้นถ้าทำขนมขึ้นมาจริงๆก็คงไม่ได้ชิม
คนที่ได้รับขนมไปก็เป็นเหยื่อไปละกัน ฮ่าๆๆๆ

โอเคจ๊ะ...แล้วพบกันโอกาสหน้า
แล้วจะเอาเรื่องดีๆ และภาพสวยๆมาฝากอีกละกันนะ
ติดตามด้วยล่ะ หุหุ (มีขู่ๆ)

ปล. ตอนนี้ย้ายข้อมูลไปอีกเว็บนึงเกือบเสร็จแล้ว แต่ยังแอบงงๆ เพราะบางอันมันโพสไม่เข้า เลยต้องรออีกสักพักนะ ขอทำความเข้าใจกับบ้านใหม่ก่อน เหอๆๆ

Monday, April 17, 2006

ครั้งหนึ่งในชีวิต..ได้ลิ้มรสเนื้อโกเบ ซี๊ดดดดด~

สวัสดีจ๊ะ
หายไปนานเช่นเคย
ดองบล็อคไว้จนชักจะหวั่นใจแล้วว่าจะยังมีคนมาตามอ่านอยู่อีกหรือเปล่าน้า~

แหะๆ...ต้องขอโทษที
พอดีว่าเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาพี่ชายมาเยี่ยม
ก็เลยออกจากบ้านทุกวัน (แถมโดดเรียนโดยตั้งใจ เพราะขี้เกียจ เหอๆๆ)

ที่ๆไปมาก็คือที่ที่เอามาลงในบล็อคมาแล้วทั้งนั้นแหละ
เพราะถ้าเรายังไม่เคยไปเราก็คงพาไปไม่ถูกหรอก เหอๆๆ
ดังนั้นเลยขอเอาเรื่องที่ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนมาให้อ่านละกัน

นั่นก็คือ...

การได้ลิ้มรสเนื้อโกเบ...!!!

เชื่อว่าทุกคนต้องเคยได้ยินชื่อเสียงของเนื้อวัวโกเบมากันแล้วทั้งนั้น
คือ..เมื่อวันก่อนดูทีวี (ไทย) เค้าบอกว่าเนื้อโกเบนี่เป็นเนื้อที่แพงที่สุดในโลกนะ
แถมมีคนบรรยายสรรพคุณมากมายว่ามันอร่อยมากกกกกกกก
มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ถึงขั้นเนื้อละลายในปาก

ไอ้เราก็อยากรู้ว่ามันจะอร่อยขนาดนั้นจริงป่าว..

เลยมุ่งหน้าไปโกเบ..
จริงๆแล้วไม่ได้เสียค่ารถไฟเพื่อไปกินเนื้ออย่างเดียวนะ
พาพี่ไปเที่ยวด้วย แต่ว่าวันนั้นอากาศแย่มาก ฝนตกทั้งวัน
ถ่ายรูปก็ไม่ได้ เพราะถ่ายออกมายังไงก็ไม่สวย
เรื่องเด่นที่สุดของทริปวันนั้นก็เคยการกินไปโดยปริยาย แหะๆๆ

เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา..
ขอเริ่มแนะนำเนื้อโกเบ ณ บัดนี้


ขั้นแรกผัดกระเทียมก่อน


ปรุงเนื้อด้วยพริกไท


พลิกๆๆๆ กลับไปกลับมาจนเนื้อสุก


ตัดแบ่งเป็นชิ้นเล็กๆ


จัดใส่จานพร้อมผัดผัก


ได้แล้วชุด Kobe Beef Steak Lunch ราคา 3,000 เยน


ดูกันชัดๆใกล้ๆอีกที

ไม่อยากจะบอกว่า...
พอเข้าปากแล้ว โอ้ววว เหมือนขึ้นสวรรค์
เนื้ออะไรช่างนุ่มเช่นนี้

อยากจะเอาความรู้สึกนั้นมาแบ่งทุกคนนะ
แต่มันทำไมได้ เพราะฉะนั้นก็ดูรูปไปพลางๆ ละกันนะ เหอๆๆๆ

อร่อยมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
(อิจฉาอ่ะเด่ะ..เหอๆๆ)

.......................................................................

พอถึงตอนนี้คุณพี่ชายก็กลับเมืองไทยไปแล้ว
ห้อง..ก็กลับมาเงียบเหมือนเดิมอีกครั้ง

เกลียดความรู้สึกแบบนี้จังนะ...


.............................................................................

ปล. ตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการย้าย web hosting นะ
เพราะฉะนั้นก็รอกันไปสักพัก ไม่เกินเดือนนึงแหละ
จะเอาเว็บที่อยู่ใหม่มาให้ดูกัน

Monday, April 10, 2006

เทศกาลสงกรานต์ ณ สวนสาธารณะปราสาทโอซาก้าค่า~

พอกลับมาญี่ปุ่นก็เข้าโหมดเดิม
อัพไดกันไม่หวั่นแม้วันมามากเลยนะฮะ
เหอๆๆๆๆ

จริงๆแล้วจะอัพตั้งกะเมื่อวานละ
แต่กลัวคนอื่นจะตามอ่านกันไม่ทัน
เลยขอเว้นวรรคทางการเมือง เอ้ย! ทางการเขียนสักวันนึง
(เอ๊ะ..ต้องทางการพิมพ์สิ..ชักงง -_-")

ก็อย่างที่เกริ่นไว้เมื่อท้ายไดอารี่คราวที่แล้วนะ
ว่าจะมีงานสงกรานต์ ก็ไม่พลาดจะไปเที่ยวและเก็บภาพมาให้ชมกัน

งานสงกรานต์คราวนี้จัดที่สวนสาธารณะปราสาทโอซาก้า
ซึ่งเราก็ซื่อไง เค้าบอกจัดที่นี่เราก็ลงรถไฟสถานีชื่อ Osakajo-koen เลย
แต่ทว่าพอไปถึงแล้ว ก็โทรหาพี่ใหม่ ถามว่างานทันจัดตรงไหน
(ตอนแรกคิดว่าสวนมันเล็กๆ)

"คือ..เดินไกลมากๆ เดินเป็นมุมแทยงๆ บอกไม่ถูกเหมือนกัน" พี่ใหม่กล่าว

ในใจก็คิดว่า เวรแล้วกรู ไม่น่าเสร่อมาคนเดียวเลย
แล้วจะหากันเจอไหมเนี่ย

"เอางี้ น้องโบออกมาเดินเรียบถนนใหญ่ไปเรื่อยๆ
เดินตรงไปเรื่อยๆนะ หาตึก NTT ไว้ งานอยู่ตรงนั้น
พี่ก็ยังเดินไม่ถึงเหมือนกัน" พี่ใหม่กล่าวอีก

อ่าว..เวรอีกแล้ว
พี่ใหม่มาถึงก่อนเราครึ่งชั่วโมง ตอนนั้นยังเดินไม่ถึงเลย
แล้วชั้นจะต้องเดินถึงกี่โมงเนี่ย

มองนาฬิกา..เป็นเวลา 10 โมงตรง

เอาวะ...ไม่ลองไม่รู้
แล้วก็เริ่มจ้ำเลย โดยไม่รุ้จุดหมาย
เอารั้วสวนสาธารณะเป็นหลัก

เดิน เดิน เดิน เดิน เดิน เดิน เดิน เถิดรานิสิตมหาจุฬาลงกรณ์
(ม่ายช่ายละ...)

ผ่านไปยี่สิบนาที...
เฮ้ย..ไมมันไม่เจอตึก NTT ซะทีวะ

หลังจากโทรไปหาพี่ใหม่สองรอบ พี่น็อตอีกประมาณสี่รอบ
และเดินรอบสวนสาธารณะซึ่งใหญ่มากมาเป็นระยะทางมากกว่าครึ่งรอบ
ก็เห็นสถานีรถไฟ...สถานีหนึ่ง

เอ๊ะ...นี่มันสถานีที่ถักจากสถานี Osaka-jo koen นี่หว่า
สรุปว่าเดินมาแล้วเป็นระยะทางหนึ่งสถานี..
แล้วทำไมตรูไม่ลงสถานีนี้ว้า!!~~!!!

เอาเหอะ...
หลังจากนั้นพี่น็อตก็บอกว่าเดินต่อไปอีกสิบนาที

พอเห็นตึก NTT แล้วดีใจมากกกกก
เหมือนได้รางวัลออสการ์!!!~~

และแล้ว...
ก็มาถึงในงานเวลา 10 โมง 50 นาที
ใช้เวลาในการเดินทั้งสิ้น 50 นาทีถ้วน..

เฮ้ออออออออออววว

พอไปถึงก็เห็นพี่ๆร้องเพลงกันอยู่บนเวทีแล้ว

อ่อ..
วันนี้มาทำอะไรอ่ะเหรอ
มาร้องเพลงง่ะ หุหุ
แต่ร้องตอนบ่ายนะ เพราะพี่ๆเค้าไม่ว่างตอนบ่ายง่ะ
น้องโบว์เลยรับเละไป คนเดียว..


รูปสมาชิกวงอะคูสติก ใต้ต้นซากุระ
(เราเสร่อมากอ่ะ..เค้ามาจากเกียวโตกันหมด ฮ่าๆๆๆ)

เอ่อ..สงสัยจะอยู่กะพี่เกียวโตมากไป
จนวันนี้ไปสอบภาษาญี่ปุ่นมา มีพี่คนไทยคนนึงถามว่า
"อ่าว..น้องอยู่มหา'ลัยนี้เหรอ นึกว่าอยู่เกียวโต"

เหอๆๆ..พี่ใหม่บอกว่าที่หลังให้ตอบไปว่า "หนูเป็นลูกผสมค่ะ"
เหมือนพันธุ์ผสมไงไม่รู้ -_-"

เข้าเรื่องๆๆๆๆ

หลังจากพี่ๆเล่นดนตรีเสร็จ
เค้าก็ไปกินข้าวกินปลากัน
งานนี้กินฟรีอีกแล้วคุณผู้ชม..
แต่เราไม่ได้ไปกินกะเค้านะ

พอดีว่า...
มีภารกิจใหม่ในขณะที่เดินๆถ่ายรูปอยู่
พี่เค้าก็ลากตัวไปถึงพวงมาลัยบนเวที...
อ่าว อะไรหว่า เดินมาเฉยๆง่ะ

อ่าว...งงละสิบอกไปถือพวงมาลัยแต่ทำไมตักน้ำ
พอดีถือเสร็จแล้วเค้าให้ไปตักน้ำต่อ
เพราะจะมีสาธิตวิธีการสรงน้ำพระ รดน้ำผู้ใหญ่ และเล่นสาดน้ำ

ซึ่งเราก็งงๆเหมือนกันอ่ะว่าเค้าให้เราขึ้นไปทำไมหว่า
ในเมื่อคุณป้าคนที่เป็นคนสั่งแกก็ทำเองหมดทุกอย่าง
ทั้งวางพวงมาลัย ตักน้ำ ฯลฯ

แล้ว...จะให้หนูขึ้นไปทามมายค๊า~!
ไม่เข้าจายค่ะ

อ่ะ...
งานของคนไทย ก็คงไม่พลากเรื่องอาหารไทยใช่ป่ะ
แต่มันไม่ได้มีแค่อาหารไทยเท่านั้นนะ
เพราะว่าพอดีช่วงนี้มันเป็นเทศกาลดูดอกไม้พอดี
ก็เลยมีคนไปนั่งกินข้าวใต้ต้นไม้ และมีของกินขายเต็มไปหมด
คือ..งานเราไม่ใช่งานเดียวในสวนนั้นน่ะนะ
(ได้ยินเสียงดนตรีเต้นแอโรบิคภาษาเกาหลีจากอากงอาม่าซุ้มข้างๆเป็นระยะๆ)

โอย..ย่างไก่กันควันขโมง
(ติดตามรูปภาพของกินเพิ่มได้ที่เว็บนี้
http://www.pantip.com/cafe/klaibann/topic/H4271936/H4271936.html)

อ่อ...
แล้วก็มีเรื่องเซอร์พร๊ายยยยยส์

มีนักร้องรับเชิญค่ะคุณขา
ดิชั้นก็งงๆ มันมาได้ไงหว่า

ถามไปถามมา..
สรุปว่าพอดีมีทัวร์ของกันตนามา แล้วพี่คนนึงเค้าเป็นคนเทคแคร์
ก็เลยจับพลัดจับผลูจับขึ้นเวทีเลยซะงั้น

อ่ะ...เดาออกป่ะว่าใคร
เฉลยก็ได้ คนๆนั้นก็คือ...
แทนแทนแทนแทนแถ่นนน แถ่นแทนแท๊นนนนนนนนนน...

Mr.D ค่ะคุณขา...
ว๊ายยป้าจะกรี๊ด...
กรี๊ดตกใจมันมาได้ไงหว่า..

มีคนถามเราเพียบเลยว่าเด็กนี่มันใคร
แล้วถามด้วยว่าดังมั้ยที่เมืองไทย (แบบว่าพี่ๆเค้าไม่กลับเมืองไทยกันนานแล้วน่ะ)

คือ...เราก็เลยไม่รู้จะตอบยังไงเลยค่ะคุณขา
ตกลงน้องเค้าดังไหมเนี่ย เหอๆๆๆๆ

พอน้อง Mr.D ลงมา
เราก็ขึ้นเวทีต้อเลยฮ่ะ...
แต่แปลกนะฮะ ทำไมตอนน้อง Mr.D ขึ้นไป
มีคนเอาแบงค์พัน (เยน) ให้เค้าเต็มเลย
แถมลงมาก็มีแต่คนตื่นเต้นขอถ่ายรูป
ประหนึ่งว่าเป็นดาราชื่อดัง (ทั้งที่...เอ่อ.. ก็ดังอ่ะนะ แต่ดังแบบแปลกๆ)

แต่พอเราขึ้นไป...
ไม่เห็นมีแบงค์เลย มีแต่พวงมาลัยและลูกโป่ง
ในใจอยากจะร้องตะโกนว่าหนูอยากได้แบงค์พันค่า!!!
ไม่ต้องเอาตังค์ไปซื้อลูกโป่งกะพวงมาลัยให้หนู แงแงแง

ร้องไปทั้งหมดสี่เพลงรวด
จนมือกีร์ต้าเจ็บนิ้วไปตามๆกัน
อ่อ..แล้วก็ดีนะที่แอบไปซ้อมก่อนมาขึ้นเวที
เพราะว่าคอร์ดเพลงที่เตรียมไว้หายไป!!!

สงสัยว่าจะไปติดอยู่กับพี่ๆกลุ่มที่กลับไปแล้ว
เลยได้แกะกันตอนนั้นเลยฮ่ะ หุหุ

หลังจากร้องเสร็จก็ได้เสียงตอบรับเป็นอย่างดี
(ถึงแม้จะไม่ได้แบงค์พัน แงแงแง)
ถึงแม้เราจะรู้สึกว่าวันนี้เราร้องได้เห่ยมาก
ตอนซ้อมดีก่านี้ตั้งเยอะง่ะ...

ครายอยากฟังเดี๋ยวส่งวีดีโอไปให้
แบบว่าใช้น้องเจี๊ยบอัดให้ง่ะ กร๊ากกกก
โทษทีนะน้องเจี๊ยบ

สุดท้าย...
จบลงที่การประกวดนางสงกรานต์

ซึ่งมีคนถามเราตั้งแต่เดือนที่แล้วจนกระทั่งตอนเช้าวันนั้น
ว่าน้องโบไม่ประกวดเหรอ

เย้ออออ..พอเหอะค่ะ หนูอายเค้า
แค่หนูไปประกวดนางนพฯ หนูก็สร้างความเสื่อมเสียให้โอซาก้ามาเยอะแล้วค่ะ
แถมตอนนี้อ้วนนนนนซะ เดี๋ยวขนาดเขนจะไปฟาดตาท่านคณะกรรมการเข้า

วันนี้อยู่ไม่จบงาน
แบบว่าต้องกลับมาจ่ายตลาด
เนื่องจากตั้งแต่กลับมาก็ตู้เย็นเปล่ามาตลอด
ประทังชีวิตด้วยเม็ดมะม่วงหิมพานต์ที่อากงคั่วมาให้
มาได้...สี่วันละ

ไปตลาด...ก็ซื้อของมาจนตอนนี้ไม่มีที่ให้ใส่แว้ววววว

วันพุธเฮียแบงค์ (พี่นก) จะมาเยี่ยม
ไม่อดตายแน่นอนพี่ชาย ฮ่าๆๆๆๆ

แล้วพบกันใหม่โอกาสหน้าจ้า~

Saturday, April 08, 2006

It's spring time!!

สวัสดีจ๊ะ
กลับมาใช้ชีวิตในญี่ปุ่นอีกครั้ง
คราวนี้ไม่ต้องปรับตัวอะไรมากมาย

ก็แหงล่ะ..
คราวที่แล้วมาไม่มีโทรศัพท์ ไม่มีเน็ท ไม่มีอะไรเลย
มีแต่ห้องเปล่าๆ กับเครื่องซักผ้าและคอมหนึ่งตัว

คราวนี้มีทุกอย่าง..
ถึงแม้จะทุกลักทุเลตอนแรกๆเพราะต้องวิ่งไปจ่ายค่ายน้ำค่าไฟที่ค้างไว้
และพารานอยด์ไปว่าเน็ทเจ๊งๆ เลยโทรไปหาที่บริษัทเน็ทมา
เค้าก็ขนคนเข้ามาเต็มห้องเราเลยนะ
คงกลัวขาดความน่าเชื่อถืออะไรประมาณนั้น

แต่จริงๆแล้วเป็นที่คอมเราเอง -"-
คือตรงที่เสียบสายแลนมันหลวมน่ะ สัญญาณเลยไม่เข้า
เลยต้องซื้อ Lan card มาเสียบไป

...ท่าจะได้ฤกษ์ (หาเรื่อง) เปลี่ยนคอม ฮ่าๆๆ

เพราะฉะนั้นสิ่งที่จะต้องปรับอย่างเดียวที่เหลืออยู่
ก็คือ...

การจัดการกับความเหงาของตัวเองนั่นเอง

...............................................

อ่อ..
ตอนนี้ก็ฤดูใบไม้ผลิแล้วล่ะ
ใครที่ติดตามไดอารี่เรามาตลอดคงได้เห็นมาสองฤดูแล้ว
คือใบไม้แดงในฤดูใบไม้ร่วง และหิมะในฤดูหนาว

วันนี้มีรูปดอกซากุระมาฝากกันอย่างหนำใจไปเลย..

ถือว่าเราดวงดีมากนะ..
เพราะตอนแรกคิดว่าจะกลับมาไม่ทันดูดอกไม้แล้วล่ะ
ก็พยากรณ์อากาศบอกว่าดอกไม้จะบานตั้งแต่วันที่ 28
ดังนั้นพอเรากลับมามันคงร่วงหมดแล้ว

แต่ที่ไหนได้...
เดินลงมาถึงหอพักก็มีดอกซากุระบานเต็มต้นไปหมดเลย


หลังจากนั้นก็เข้าไปเดินในโรงเรียน
ก็มีต้นซากุระริมทางเดินเยอะแยะ
ตอนฤดูอื่นนี่จะไม่รู้เลยนะเนี่ยว่ามันเป็นต้นอะไร
พอฤดูนี้ก็จะเห็นชมพูเต็มต้นไปหมด


หลังจากจัดข้าวของ สะสางหนี้สิน และจัดการกับอินเตอร์เน็ทเสร็จแล้ว
น้องเจี๊ยบก็มาพอดี...

น้องเจี๊ยบคือรุ่นน้องที่คณะอักษรฯ มาเรียนภาษาที่โอซาก้า 2 เดือน
เป็นเหยื่อเพื่อนเที่ยวของเราไป ฮ่าๆๆๆ

แล้วก็พากันไปดูดอกไม้ที่ "expo park"
อ่อ..เมื่อปี '70 ญี่ปุ่นคยจัดงาน world expo ที่ Osaka น่ะ
สวนนี้ก็เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของงานในครั้งนั้น
แล้วเค้าก็ว่ามีตอนซากุระเต็มไปหมด


ที่เห็นอยู่ชื่อ Sun Tower เป็นสัญลักษณ์ของงาน expo ในครั้งนั้น
ตอนนั่งรถไฟผ่านครั้งแรกตกใจมาก
ตัวอะไรหว่า..ทำไมต้องทำหน้าบึ้ง ฮ่าๆๆ

พอไปถึง ก็พระอาทิตย์ตกดินซะแล้ว
เลยได้เห็นซากุระในอีกบรรยากาศนึง คือยามค่ำคืน
ก็มีผู้คนมากมายปูเสื่อกินข้าวกินเบียร์เต็มสนามไปหมด


.............................................

วันนี้..
ก็นัดกับน้องเจี๊ยบอีกเช่นเคย
แต่คราวนี้ไกลออกมาหน่อย
จะไปดูดอกไม้ที่สถานที่ยอดฮิต คือเกียวโตนั่นเอง

พอไปถึงสถานีรถไฟ..
ไม่น่าเชื่อ ชานชาลาที่มุ่งหน้าไปเกียวโตคนแน่นมากกกกก
อะไรว้า..อยู่มาตั้งหลายเดือนไม่เคยเห็นปรากฎการณ์นี้มาก่อน

เลยทำใจไว้แล้วก่อนว่าจะต้องไปแย่งกันดูดอกไม้กับคนมหาศาลแน่นอน

พอไปถึง...ก็ตามคาด
คนเยอะมากกกก เดินเต็มเมืองไปหมด
แทบจะขี่คอกันเดิน เหอๆ

ที่แรกที่จะไปวันนี้ก็คือ "ศาลเจ้ายาซากะ"
ซึ่งมีต้นซากุระที่มีชื่อเสียงมาก คือต้นซากุระพันปี

บรรยากาศในศาลเจ้า..
คนนั่งปูเสื่อกินข้าวกันใต้ต้นไม่เต็มไปหมด


นี่คือรูปต้นซากุระพันปี
ถ่ายโดยคุณลุงคนหนึ่งที่มาวานให้เราถ่ายรูปก่อน
แล้วหลังจากนั้นก็ผลัดกันถ่ายรูปอีกสามสี่รอบตามสถานที่ต่างๆ
คือเดินเจอกันตลอด เมียลุงก็แอบขอโทษเราหลายครั้ง เหอๆๆ

อ่อ..เจอคนมาแต่งงานด้วยพอดี
เลยมีคนมาร่วมงานแต่งงานเต็มศาลเจ้าไปหมดเลย ฮ่าๆๆ


ออกจากศาลเจ้าก็เดินงงๆหารถเมล์กันสักพัก
แล้วก็มุ่งหน้าไปยัง "วัดเงิน" (Ginkakuji)

ตอนแรกก่อนจะเข้าวัดก็จะต้องเดินผ่านถนนสายปรัชญา
ซึ่งมีต้นซากุระขึ้นเรียงตามริมทางเต็มไปหมด

โอยคนเยอะมาก...
แย่งกันดู แย่งกันกิน แย่งกันถ่ายรูป

ส่วนนี่คือรูปวัดเงิน

หลังจากนั้นก็จะเดินทางกลับโดยรถเมล์
ซึ่งปรกติแล้วใช้เวลาเดินทางจากรถเมล์ไปสถานีรถไฟ
ไม่น่าจะเกินครึ่งชั่วโมง..

แต่วันนี้...
การจราจรในเกียวโตเป็นอัมพาตไปหมด
ทำให้ใช้เวลาบนรถเมล์ตั้งแต่บ่ายสามโมง ถึงเกือบห้าโมงเย็น!!!

แล้วยืนด้วยนะ..
อาม่า อากงข้างหลังก็เบียดกันจัง
ทำให้ต้องยืนท่าบังคับจะล้มไม่ล้มแหล่อยู่นานมาก

โอย...
เบื่อจริงๆช่วงเทศกาล

.....................................

วันพรุ่งนี้จะไปงานเทศกาลสงกรานต์ที่ปราสาทโอซาก้า
คาดว่าคงจะมีรูปดอกไม้สวยๆมาให้ดูกันอีก

อย่าลืมติดตามกันนะจ๊ะ ^^

Thursday, April 06, 2006

ชีวิตใต้ร่มพระธรรม...ของหลวงพี่แห้ว

สวัสดีมิตรรักแฟนเพลง
หายหน้าหายตาไปนาน
จริงๆแล้ว...เราไม่ผิดนะ
แบบว่าจะมาอัพตั้งหลายวันแล้ว
แต่ storythai มันห่วยง่ะ เลยเสียบ่อยๆ เข้าไปอัพไม่ได้

ท่าทางจะได้ฤกษ์เปลี่ยนบ้านใหม่จริงๆซะแล้ว

ก็ต้องขอโทษทีที่ปล่อยให้รอนาน
ว่าแต่ว่า...ยังมีคนเหลือติดตามอ่านอยู่บ้างหรือเปล่าหว่า
เหอๆๆๆๆ

เอาเหอะ...ถึงแม้จะไม่มีคนตามอ่าน เราก็ยังจะเขียนต่อปายยยยย

เข้าเรื่องดีกว่า..
เห็นหัวข้อแล้วคงรู้กันแล้วอ่ะสิว่าจะมาเล่าเรื่องอะไรให้ฟัง
พอดีว่าวันก่อนก็ไม่มีอะไรทำเท่าไหร่ ทั้งๆที่คืนนี้จะกลับญี่ปุ่นละ
แล้วก็เพราะจะกลับนี้น่ะแหละ ก็เลยอยากจะไปกราบหลวงพี่ซะหน่อย

เลยบึ่งรถกับแม็คไปเยี่ยมหลวงพี่
พร้อมกับมีน้ำผลไม้ติดไม้ติดมือไปถวาย
ที่วัดราชาธิวาส

ดินเข้าไปถึงก็มั่วๆหา
คือไม่รู้ทั้งคณะ และอะไรเลย
คือถามพระทั่ววัดได้มั้งกว่าจะหาตัวพระเจอ

อ่อ..ก่อนจะให้ดูรูปพระ
ให้ดูรูปบรรยากาศวัดก่อน
ดูสงบมากๆอ่ะ ไม่เหมือนวัดใน กทม.เลย


หลังจากเดินหาจนเหงื่อท่วมประมาณครึ่งชั่วโมง
หลวงพ่อรูปหนึ่งก็ถามเด็กวัดคนหนึ่งให้
เด็กวัดคนนั้นก็ไปตามพระมา

ตอนแรกเห็นมาแต่ไกล
เอ๊ะ..ใช่เหรอ ทำไมขาวๆ

พอมาใกล้ๆ ใช่จริงๆด้วย!!!

พระบอกว่ากำลังทำงานกรรมกรอยู่
พระใหม่ก็เงี๊ยะแหละ เหอๆ

แต่ถึงแม้พระจะอยู่ในผ้าเหลือง
แต่ก็แอบดูไม่ต่างจากตอนก่วนบวชเท่าไหร่
แบบว่า..คุยกันเรื่องปรกติอ่ะนะ

จะบาปไหมนะเรา -_-"

อ่อ...อยากเห็นรูปกันแล้วสิ

จำกันได้หรือเปล่า...เหอๆๆ

อ่อ...
คืนนี้เราจะเดินทางแล้วนะ
เจอกันอีกห้าเดือนข้างหน้านะทุกคน

แล้วก็...
คิดถึงเราด้วยนะ

เราจะคิดถึงทุกคน

แงแงแงแง ไม่อยากกลับเลยยยยยย TTwTT