zz *Bow's Journey Under the RainBow*: February 2006

*Bow's Journey Under the RainBow*

And this is a little journey of me...

Friday, February 24, 2006

ตลาดของเก่าที่วัดโทจิ และลานสเก็ตน้ำแข็ง

หวัดดีจ้าทุกคน..
วันนี้ขออัพเดทสองเรื่องรวด
จะได้ไม่ต้องมาอ่านติดๆกันเกินไป..อิอิ

เนื่องจากตั้งแต่คืนนี้จะออกเดินทางไปเยี่ยมเยียนนาโฮโกะ
ที่โตเกียวเป็นเวลา 4 วัน
หลังจากกลับมาคงมีเรื่องเล่าให้ฟังอีกเยอะ
จะหลงหรือไม่หลง ก็ต้องมาคอยดูกัน

อ่อ..ที่หลงนี่ไม่ใช่หลงในโตเกียวนะ
แต่คงหลงก่อนขึ้นรถบัสที่โอซาก้าเนี่ยแหละ
ฮ่าๆๆๆๆ... ต้องติดตามตอนต่อไป

หลังจากกลับจากโตเกียว ก็จะกลับบ้านเลยนะ
ใครอยากเจอตัวเป็น (อ้วนๆ) ก็เจอกันที่จุฬาฯ
วันที่ 3 มีนาน่ะ.. รับรองขนมเพียบบบบ อิอิ

เข้าเรื่องกันดีกว่า...
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาไปตลาดขายของเก่าที่วัดโทจิมา

ทุกๆวันที่ 21 ของทุกเดือนที่วัดโทจิจะมีตลาดนัดขายของเก่า
ซึ่งเป็นตลาดนัดที่ใหญ่ที่สุดในเกียวโตเลยนะ
ของที่เอามาขายก็มีตั้งแต่ถ้วยชามรามไห ของตกแต่งบ้าน
ของฝากกระจุกกระจิก รวมไปถึงกิโมโนที่แขวนขาย
กันเหมือนขายเสื้อ 199 แต่ราคาไม่ยักกะ 199 แฮะ แหะๆๆ

งานวัด..ก็เหมือนจะคู่กับของกินไปแล้ว
มาอยู่นี่ตั้งนาน เพิ่งจะได้กินไทยากิแฮะ
จริงๆแล้วก็ไม่มีอะไรหรอก ก็แป้งรูปปลาไส้ถั่วแดง เหอๆๆ


พี่ต้นกับพี่แพรหน้าร้านไก่ย่างอินเตอร์
คนขายพูดภาษาอังกฤษได้ด้วยนะ หุหุ


พี่แพรบอกว่าให้เอารูปนี้ไปหลอกว่าไปเที่ยวเมืองจีนมา
แขวนเหมือนขายประเป๋าประตูน้ำจริงๆหว่ะ เหอๆ


แบบนี้ก็มี...ของเก่าของใหม่ไม่รู้ กร๊ากๆๆๆ


มีนวดฝ่าเท้าแบบจีนบริการ
คือตลาดมันใหญ่จริงๆง่ะ..อาจเมื่อยเท้าได้
มานวดเท้าให้เส้นหายตึงก่อนแล้วค่อยไปเดินต่อ
ฮ่าๆๆๆ แต่เห็นแต่ฝรั่งไปนวดแฮะ


ไหว้พระกันหน่อย ไหนๆก็มาวัดทั้งที

จริงๆแล้วทริปนี้มีรูปกับพี่ต้นเยอะมาก
เหมือนมาตามถ่ายการท่องเที่ยวของคู่รักคนดัง
มีเป็นซีรีส์เลย..ฮ่าๆๆๆ
จริงๆแล้ว เพราะไปกันสามคนน่ะ
แล้วพี่แพรก็ถ่ายตลอดดดดดด

ถ้าเนื้อที่บล็อคเยอะกว่านี้คงเอามาลงนะเนี่ย
เสียด๊ายยยเสียดายย อิอิ

..................................................

ทริปต่อมา..
เมื่อวานนี้เอง

เอาให้เข้ากับบรรยากาศหน่อย
ช่วงนี้รู้กันบ้างหรือเปล่าว่ามีโอลิมปิกฤดูหนาว
ที่โทริโน ประเทศอิตาลี

มีคนไทยแข่งด้วยนะคนนึง
เป็นคุณลุงคนนึงบ้านอยู่อเมริกา
แข่งในนามประเทศไทย แข่งสกีรอบเมือง

ถึงแม้คุณลุงจะไม่ได้เหรียญอะไรกลับไป
แต่รู้สึกภูมิใจแทน มีนักกีฬาจากเมืองร้อนอย่างเรา
ลงแข่งตั้งคนนึงแหน่ะ

เข้าเรื่องๆๆๆๆๆๆ

ก็ไม่มีอะไรหรอก ไปเล่นสเก็ตน้ำแข็งมากับพี่ใหม่และพี่แพร
ที่สวนสนุกชื่อ Hirakata Park

ตอนแรกไม่มีใครรู้ว่ามันคือสวนสนุก
รู้แต่ว่ามันคือลานไอซ์กลางแจ้ง

ห่างหายจากการเล่นไอซ์มาเป็นเวลาเกือบ 5 ปี
วันนี้จะได้รื้อฟื้นวิชาแล้ว อิอิ

อีกอย่าง..ท่าทางเมืองไทยจะไม่มีให้เล่นแล้ว
เพราะที่ World Trade ทุบลานไปแล้วหนิ
เซ็งเลยยยยย กีฬาสุดโปรดของเราเลยนะเนี่ย


ดูบรรยากาศสวนสนุดกันหนึ่งรูปละกัน
อันนี้เป็นบ้านผีสิงญี่ปุ่น น่าเล่นเน๊อะ เหอๆๆ
แต่ไม่ได้เข้าไปเล่นหว่ะ อิอิ


เอาล่ะ..ได้เวลาลงสนามมม


รูปตอนเราเล่นไม่มี..เพราะอยู่ในกล่องพี่ใหม่
(นี่ก็รูปกล้องพี่แพรอีกแหละ แบบว่ากินแรงคนอื่น เหอๆๆ)
ดูรูปเด็กไปก่อนละกัน อิอิ

จะบอกว่าลานนี้คนหนุ่มสาวเล่นไม่ได้เรื่องเลยนะ
แบบเป็นคู่รักๆอ่ะ มาหัดเล่น จับมือจับไม้ กรี๊ดกร๊าดวี๊ดว๊ายยย
น่าหมั่นไส้เป็นที่สุด ฮ่าๆๆ

คนที่เล่นเก่งๆกลับเป็นคุณลุงคุณป้าแฮะ
หมุนตัว กระโดด กันเหมือนเล่นกันมาเป็นเวลากว่า 50 ปีแล้ว ฮ่าๆๆ

คุณลุงคนนึงฮามา..
เล่นสเก็ตไป ฟังเพลงไป เต้นรำตามเพลงไปด้วย
แถมชอบเล่นปาดหน้าสาวๆ พอเป็นหนุ่มๆแล้วก็ปาดเหมือกัน แต่ปาดหนี ฮ่าๆๆ


น้องสองคนนี้เหมือนเป็นอนาคตประเทศชาติ
ใส่ชุดมาอย่างมืออาชีพ (ถึงแม้จะสีเหมือนชุดว่ายน้ำไปหน่อย)
แต่เล่นเก่งมากนะ หมุนๆ กันใหญ่ น่ากลัวววว


มีรูปสามคน...เพราะเอากล้องไปตั้งบนเก้าอี้ แหะๆ

มีจังหวะนึงเราล้ม..
ไม่เจ็บหรอก แต่กระโปรงเปียก
พี่ใหม่ยื่นมือมาจะให้ลุก แต่กลัวจะดึงพี่ใหม่ลงมาด้วย
เลยพยายามลุกเองแล้วบอกว่า "ไม่อ๊าววว ไม่อาววว เอาผู้ชายยย"

ผู้ชายมาจริงแฮะ..เป็น staff วิ่งมาฉุดให้ลุกเลยนะ
สงสัยสมเพชมันลุกไม่ได้ซะที อิอิ
แต่เท่น้า~~ เท่ไม่ใช่เพราะหน้าตานะ
แต่ staff เล่นเก่งกันทุกคนอ่ะ

ก็แหงอ่ะ...ทำงานลานสเก็ต เหอๆๆ


หลังจากเล่นสเก็ตเสร็จก็ออกไปเล่นรถไฟเหาะกันต่อ
เสียตังค์เพิ่ม...เพราะความอยากมันสูง ฮ่าๆๆ

ไม่น่ากลัวเท่าไหร่ เพราะไม่สูงและไม่ตีลังกา
ต่อไปจะพยายามไปเล่นสวนสนุกอื่นๆให้ได้ เย้ๆๆ

หลังจากนั้น...
ก็นั่งรถไฟกลับโอซาก้า หลังจากย้ายบ้านไปอยู่เกียวโตเป็นเวลา 1 สัปดาห์

สุดท้าย...
ขอบคุณพี่ใหม่มากที่ให้ที่พักอาศัย ทำกับข้าวให้กิน พาไปนู่นไปนี่
ตลอดระยะเวลา 7 วันที่ผ่านมา..
แล้วก็ขอโทษที่ไปกวนตลอดอาทิตย์เลยนะคะ
ช่วยไรไม่ค่อยได้เลย..ได้แค่ล้างจานๆ ไปเรื่อยๆ เหอๆๆ

ขอบคุณพี่แพรสำหรับรูปสวยๆทุกรูป
แล้วเจอกันที่เมืองไทยนะ

ขอบคุณพี่ๆที่เกียวโตทุกคน
ที่ทำให้ช่วงเวลาหนึ่งสัปดาห์ในเวลาปิดเทอมของโบ
เป็นช่วงเวลาที่สนุกสุดๆ ไม่เหงาเลยสักนิด

ขอบคุณมากค่า~~

Monday, February 20, 2006

เมืองหนัง..และวัดทอง

เที่ยวกันไม่หยุดเลยค่ะคุณผู้ชม
เที่ยวแบบไม่มีวันพักผ่อน

และเนื่องจากนอนดึกตื่นสาย (น้อยหน่อย) ทุกวัน
ทำให้เริ่มจะตาปรือๆในช่วงหัวค่ำแล้ว
วันนี้เลยเบี้ยวพี่ใหม่ และนอนอยู่บ้าน (พี่ใหม่) หนึ่งวัน

วันนี้..
จะเอาเรื่องที่ไปเที่ยวเมื่อวานมาเล่าให้ฟัง

พอดีว่านัดกับพี่จุ๊บไวนานนนนมากแล้ว
ว่าจะไปเที่ยวที่เมืองหนัง (เอกะมูระ) ที่เกียวโต
(เมืองหนัง..คือเอาไว้ถ่ายหนังน่ะนะ)
เมื่อวาระและโอกาสอันดีมาถึง
เราก็มาอยู่ที่เกียวโตพอดีซะงั้น
ก็เลยได้ฤกษ์ไปเที่ยวเมืองหนังกันแล้ว เย้ๆๆ

ตอนเช้าก่อนไปทุลักทุเลเล็กน้อย
เนื่องจากต้องขึ้นรถเมล์ไปเอง
ตอนที่ต้องเปลี่ยนรถเมล์ก็แอบหาป้ายไม่เจอเล็กน้อย เหอๆ

วิ่งวนๆอยู่เกือบยี่สิบนาที
แต่เดชะบุญ...
รถเมล์คันที่จะขึ้นวิ่งมาพอดี
ทำให้เกิดการวิ่งแข่งกับรถเมล์เกิดขึ้น
แต่ในที่สุดก็สามารถขึ้นรถได้ตรงตามเวลาที่วางไว้

ไปถึงที่เมืองหนัง รอพี่ๆเล็กน้อย
พอมาพร้อมหน้าก็เข้าไปในเมืองหนังเลย เย้!

สมาชิกวันนี้มาจากโฮซาก้าล้วนๆ คือ พี่จุ๊บ พี่แนน และพี่อาร์ท

ตอนแรกก็คิดว่ามันจะเดินพอไหมเนี่ย
เพราะดูแผนที่เมืองมันใหญ่มากกก
แล้วมีเวลาเดินตั้งแต่บ่ายโมงถึงสี่โมง สามชั่วโมงเอง..

แต่พอเดินเข้าไปจริงๆ...
เอ่อ... มันเล็กมากจอร์จ!!
เดินยี่สิบนาทีก็ทั่วแล้วง่ะ

อ่อ..ถึงแม้ว่ามันจะเล็ก แต่เราก็เก็ยภาพบรรยากาศมาให้ชมเน้ออ~

บ้านนินจา ข้างหลังมีปาดาวกระจาย
เหมือนปาเป้าตามงานวัดแหละ แต่เปลี่ยนเป็นดาวกระจายแทน เหอๆๆ


มีซามูไรสู้กันกลางถนนซะด้วย
(จะบอกว่าคนเสื้อฟ้าหล่อมากกกก)


บรรยากาศเมือง
ดูโบราณดีเน๊อะ..ที่เห็นละครญี่ปุ่นฉากเก่าๆก็ถ่ายที่นี่อ่ะแหละ


กับพี่แนน..และสาวชาวบ้านที่เดินผ่านมา


เอ่อ...อะไรหว่า เหอๆๆๆ ดีใจขาเล็ก ยิบปี้!~


กับคุณซามูไรที่เดินผ่านมา..

สรุปแล้ว เดินไปเดินมา บวกดูโชว์ที่ฟังไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่แล้ว
เบ็ดเสร็จเวลาสองชั่วโมงกว่า

มีแวะเข้าบ้านผีสิงเสียตังค์เพิ่มอีก 500 เยนด้วยนะ
ก็หนุกดีอ่ะ...น่ากลัวว่าบ้านผีสิงห์ dream world เยอะเลย เหอๆ

ก็เลยคุยกันว่า...
อุตส่าห์ถ่อมาทั้งที...
แถมยังมีเวลาเหลือมากมาย ฟ้าก็ยังสว่าง
เรากับพี่จุ๊บ และพี่อาร์ทก็เลยไปวัดทองกัน ส่วนพี่แทนของตัวกลับบ้าน

คินคาคุจิ (金閣寺) หรือวัดทองที่เรียกเมื่อกี้นี้อ่ะแหละ
ถูกสร้างขึ้นในปี 1397 เพื่อเป็นที่พักของโชกุนอาชิคางะ โยชิมิสึ
ภายหลังลูกชายของโชกุนก็ได้เปลี่ยนสิ่งก่อสร้างนี้ให้เป็นวัดของนิกายเซ็น

วัดนี้ถูกเรียกว่าวัดทองก็เพราะว่า
ทั่วทั้งตัวอาคาร ยกเว้นที่ชั้นล่างสุดนั้นปกคลุมด้วยทองแท้โดยทั้งสิ้น
และบนยอดของตัวอาคารยังมีสัญลักษณ์สำคัญเป็นรูปนกฟีนิกซ์อีกด้วย


กับพี่จุ๊บที่ทางเดินเข้าวัด


ถึงแล้วจ้า..วัดทอง

ขอได้รับความขอบคุณจากพี่อาร์ทสำหรับภาพสวยๆนะคะ
จริงๆแล้วพี่จุ๊บบอกว่ามาวัดนี้ทีไรต้องเจอทัวร์คนไทยลงทุกที
แต่สงสัยวันนี้มันจะเย็นแล้วเลยไม่เจอเลย

แต่เจอคนไทยนะ..ตอนเดินที่เมืองหนังน่ะ
เป็นผู้หญิงไทยที่แต่งงานกับคนอเมริกัน
มาเที่ยวจากบอสตัน...

ตลกดีเดินเข้ามาคุย..เพราะเราเม้าท์กันดัง เหอๆๆๆ

ปิดท้ายรูปวันนี้ด้วยรูปที่ติดไว้คราวก่อน ฮ่าๆๆๆ
ขอเชิญชมรูปไมโกะ...หมู่ ฮ่าๆๆๆๆ
(แทนแทนแทนแทนแทนแธ่น แธ่นแทนแท๊นนนนนน)
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

ใครเป็นใครดูกันเอาเอง..ไม่มีคำบรรยาย ฮ่าๆๆๆ
ส่วนใครอยากดูรูปมากกว่านี้ เชิญคลิ๊กไปชมที่บล็อคพี่ใหม่
มีลิงค์อยู่ทางซ้ายมือของท่าน

กร๊ากกกกกๆๆๆๆ

แล้วพบกันใหม่โอกาสหน้า
ใครที่ยังตามอ่านไม่หมด เชิญกลับไปย้อนอ่านกันซะนะ
ตอนนี้ยังไม่มีโปรแกรมอัพเดทในวันต่อไป หุหุ

Saturday, February 18, 2006

เกอิชา...มาแล้ววววว

สวัสดีทุกคน..
ตามอ่านกันทันหรือเปล่า
วันนี้ขอมาอัพเดทเรื่องสดๆร้อนๆ

บอกไปหรือยังหว่าว่าตอนนี้ย้ายสำมะโนครัว
มาอยู่บ้านพี่ใหม่+พี่จิ๋วที่เกียวโตอยู่ประมาณหนึ่งสัปดาห์

ก็มาตั้งแต่วันพฤหัสฯแล้วแหละ
ตอนนี้คิดว่าคงอยู่ถึงวันพฤหัสหน้า
แล้วคืนวันศุกร์ก็ไปหานาโฮโกะที่โตเกียวต่อเลย

ฮ่าๆๆ...ประหยัดไฟ
แต่เสียค่าเดินทาง -_-"
ซึ่งแพงกว่ากันเยอะง่ะ...

เข้าเรื่องๆ...

ก็อย่างที่บอกมาอยู่เกียวโตทั้งที
พี่ๆก็เลยชวนไปแต่งหน้าขาวเพื่อประสบการณ์ดูสักครั้ง

แต่งหน้าขาว...
นั้นก็คือ ไปเข้าสตูดิโอถ่ายภาพ แล้วก็แต่งตัวเป็นเกอิชานั่นเอง

คิดว่าทุกคนคงรู้จักเกอิชาแล้วใช่ไหม...
หลังจากที่มีหนังเรื่องหนึ่งเข้าโรงไปเมื่อเดือนสองเดือนที่แล้ว
ส่วนเรานั้น..ยังไม่ได้ดูเลย เฮ้อออออออออ~

เอาล่ะ..
ขอเล่าเรื่องด้วยภาพ


นี่คือเส้นทางในเมืองเกียวโตระหว่างที่เดินไปสตูดิโอถ่ายภาพ


ป้ายหน้าสตูดิโอถ่ายภาพ... งามมมมากกกก
(ตอนนั้นในใจคิดว่า ถ่ายออกมาสวยแน่ๆ)


เบื้องหน้าสตูดิโอถ่ายภาพ


นั่นแน่...มีรูปโชว์ในร้านอีกตะหาก รับประกันความสวย

และต่อไปนี้...
ท่านจะได้พบกับ
โปสเตอร์ของหนังเรื่อง Kill Bill 3
(แทนแทนแทนแทนแธ่น..แธ่นแทนแท๊นนนนนนน)
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
อนุญาติให้หัวเราะได้ตามอัธยาศัย
เพราะตัวเราเองยังขำเลย ฮ่าๆๆๆๆ

ในใจคิดว่าน่าจะเปลี่ยนจากร่มเปนดาบนะเนี่ย
คงได้อารมณ์มากกว่า ฮ่าๆๆๆ

โอยขำ

อ่อ...อยากเอารูปรวมลงนะ
แต่ไม่มีอยู่ในกล้องเราตอนนี้
เพราะฉะนั้นขอแปะไว้ก่อน

คนอื่นที่ไปถ่ายด้วย
(พี่ใหม่ พี่จิ๋ว พี่แพร พี่ปุ้ม)
ก็รอดตัวไปนะ...

เหอๆๆๆๆ

แล้วพบกันใหม่โอกาสหน้า
วันนีสวัสดี ราตรีสวัสดิ..

Thursday, February 16, 2006

Janette & Shirley Farewell Party

หวัดดีทุกคน..
ช่วงนี้อัพเดทบ่อย
ตามอ่านกันให้ทันนะ เหอะๆๆ

เอาเรื่องปาร์ตี้เลี้ยงส่งเพื่อนออสเตรเลียสองคนมาให้อ่านกันตามสัญญา
ปาร์ตี้จัดเมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมาก ก่อนวาเลนไทน์ 1 วัน
(สงสัย...คนจัดต้องไปฉลองกะแฟน ฮ่าๆๆ)

สงสัยกันอ่ะดิ...ทำไมต้องนักเรียนออสเตรีเลีย
แล้วทำไมสองคนนี้กลับก่อน

ไอ้เราก็เคยสงสัยเหมือนกัน
เพราะว่าสองคนนี้เค้ามาก่อนเรา 1 เทอม
คือมาตั้งแต่เดือนเมษายนปีที่แล้วน่ะ
มาเรียนแบบครึ่งๆกลางๆ เพราะว่าเค้าได้รับทุนที่ต้องบอกให้มาตอนนั้นเท่านั้น

พอมาถึงตอนนี้..
ก็ครบหนึ่งปีพอดีที่สองสาวมาเรียน
และได้เวลากลับบ้าน..

Janette & Shirley

สงสัยอ่ะดิ ทำไมหน้าตาเอเชียจัง เหอๆ
Janette จริงๆแล้วเป็นคนเกาหลี แต่ไปเรียนที่อเมริกาตั้งแต่เด็กๆ ย้ายมาเรียนมหา'ลัยที่ออสเตรเลีย คือที่ Australian National University (...ไม่แน่ใจชื่อถูกเปล่า แต่ประมาณนี้แหละ)
ส่วน Shirley เป็นคนอิสราเอล ย้ายมาเรียนมหา'ลัย ที่ออสเตรเลียเหมือนกันที่ Monarch University

ไม่มีเรื่องอะไรจะเล่าเท่าไหร่
ปาร์ตี้วันนี้ก็กิน-ดื่ม กันตามประสาเพื่อนฝูง
แล้วก็คาราโอเกะ เย้ๆ เสร็จเรา กลายเป็นผู้ครอบครองไมโครโฟนเช่นเคย
เพราะร้องเพลงได้เยอะมาก เหอๆๆ

ขอใช้รูปเล่าบรรยากาศแทนก็แล้วกันนะ

Minh Anh (เวียดนาม) Nisa (อินโดฯ) เรา และ Lillian (แคนาดา)
(สังเกตุว่าตาหยีๆ..ไม่ได้แต่งหน้าด้วย เพราะเป็นตากุ้งยิง เหอะๆๆๆ)


สองสาวกับ Kondo-sensei และ Kitahama-sensei


Andras (ฮังการี) & Jeffrey (เนเธอร์แลนด์)
เฮ้ย..ตะเกียบมีไว้กินข้าวไม่ได้ไว้ให้เล่นเฟร้ยยย


แหน่ะ..เล่นอีกคนละ


Stephen (ออสเตรเลีย) ทำอะไรน่ะ... จะแต่งงานแล้วปล่อยผีทิ้งชีวิตโสดเหรอ เหอๆ


ผู้ครอบครองไมค์ แหม ถ่ายชั้นซะอ้วนเชียวนะยะ ไม่พอใจอะไรก็บอกได้


Francis (แคนาดา) ดูตาหนวดร้องเพลง... แล้วดูคนข้างหลังทำหน้าสิ 5555


ปิดท้ายด้วยเค้ก...
อ่อ...ไม่ใช่งานวันเกิดนะ มันงานเลี้ยงอำลา แล้วจะจุดเทียนทำไมเนี่ย งงๆ

จบแล้วจ้า..งานเลี้ยงงานนี้
จริงๆแล้วไม่ค่อยสนิทกับเพื่อน OUSSEP เท่าไหร่
เพราะวันๆ ขลุกอยู่แต่กับคนไทย
ดูทีวีไทย อ่านข่าวไทย ฟังเพลงไทย และพูดภาษาไทย

กลับไป..ภาษาญี่ปุ่นไม่ได้ ภาษาอังกฤษแย่ แต่ภาษาไทยพัฒนาแน่ๆ ฮ่าๆๆ

อ่อ..แต่งานนี้สนุกดีนะ ได้คุยกะเพื่อนต่างชาติมากขึ้น
แล้วก็คิดได้ว่า มันก็ไม่ได้แย่ขนาดที่เราเคยคิดไว้ซักหน่อย
เพียงแค่เราเปิดใจ และยอมรับความแตกต่างแค่นั้นเอง

จริงป่ะ?

แล้วพบกันใหม่โอกาสหน้าจ๊ะ
บ๊ายบาย ^^

Tuesday, February 14, 2006

หอมกรุ่นกลิ่นช็อคโกแลต..ต้อนรับเทศกาลวาเลนไทน์จ้า

หวัดดีจ้าทุกคน..
วันนี้เอารูปมาอวดล้วนๆเลย

จริงๆก็ไม่อยากจะออกจากบ้านเท่าไหร่หรอกนะ
เพราะว่ามันเป็นวันวาเลนไทน์น่ะ
กลัวจะเจอแต่คนมาเป็นคู่ๆ ฮ่าๆๆๆ

แต่เอาเถอะ..เพื่อทุกคน
เราเลยออกไปเก็บภาพช็อคโกแลตวันวาเลนไทน์มาฝาก
จะได้เข้ากับบรรยากาศไง อิอิ

เริ่มกันเลยแล้วกันนะ...
พร้อมกันหรือยังเอ่ย


เริ่มด้วยรูปแรก เอากล่องไปดูกันก่อน
อันนี้เป็นช็อคโกแลตที่ขายตามร้านขายขนมทั่วไป ห่อเสร็จเรียบร้อย ซื้อเสร็จเอาไปให้ได้เลย

ช็อคโกแลตที่เอามาขายๆกันแบบนี้ ส่วนใหญ่สาวๆจะให้ตามมารยาท เช่นให้เพื่อนร่วมงาน อาจารย์ เจ้านาย คิดว่าทุกคนคงอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นกันทุกคน คงรู้ธรรมเนียมนี้ดีช่ายป่ะ


ห่อแบบญี่ปุ่นก็มี


ห่อแบบสดใสหวานแหววแต๋วจ๋า


อันนี้เป็นอันแรกที่ห่อแบบให้เห็นด้วยว่าข้างในมีอาราย..
โอยย..น่ากินป่ะล่ะ


อันนี้วางขายกันเหมือนขายถุงเท้าเลย ฮ่าๆๆ
กะว่าเอาไปให้ตามมารยาทเท่านั้นจริงๆ จะทำสวยๆไปทำไม


อันนี้อยู่ตรงตู้ดิสเพลย์หน้าร้าน sony plaza


ถ่ายมาจากร้านเดียวกัน


อันนี้แปลกดี ไม่ใช่ช็อคโกแลตนะ แต่เป็นเส้นพาสต้ารูปหัวใจ


รูปน้องหมีก็มีนะ


เอ่อ..รูปปลา ดูแล้วน่ากลัวมากกว่าน่ากิน


อันนี้มาแนวอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่า จริงๆแล้วนอกจากฮิปโปยังมีลิง จระเข้ สิงโต ฯลฯ ด้วยนะ แต่ว่าแอบถ่ายง่ะ กลัวโดนคนข่ายตบเลยรีบถอยฉากออกมาก่อน เหอะๆๆ


อันนี้ถ่ายจากที่ร้าน Loft รู้สึกว่าเค้าจะเอาไปตกแต่งเองน่ะ
คือร้าน lost ชั้น 1 ปรกติเค้าจะจัดตามเทศกาลอยู่แล้ว
ตอนหน้าหนาวก็มีของหน้าหนาวข้ายทั้งชั้นเลย
แต่ตอนนี้มีอุปกรณ์ทำขนมขายทั้งนั้นเลยล่ะ


รูปสุดท้ายจากร้านเดียวกัน

สุดท้ายท้ายสุด...
ก็ขอให้แฮ็ปปี้ๆกันในวันวาเลนไทน์ แล้วก็สมหวังในความรักกันทุกคนนะจ๊ะ

ส่วนคนโสด..ก็ดูรูปแก้ขัดไปก่อนละกันนะ อิอิ

แล้วพบกันใหม่โอกาสหน้าจ้า ^^