zz *Bow's Journey Under the RainBow*: Hiroshima...สงคราม และสันติภาพ

*Bow's Journey Under the RainBow*

And this is a little journey of me...

Sunday, January 29, 2006

Hiroshima...สงคราม และสันติภาพ

หวัดดีจ้า..มิตรรักแฟนไดอารี่ของเราทุกคน
อย่างที่สัญญาไว้คราวที่แล้วว่าจะเอาเรื่องและภาพ
จากการไปเที่ยวฮิโรชิม่ามาให้ชมกัน

วันนี้ทำตามสัญญานะ..
เพิ่งกลับมาก็รีบเอามาให้ดูเลยเนี่ย จะได้ไม่ดองไว้นาน อิอิ

ขอเริ่มเล่าเลยละกัน
(ขออนุญาตเอาเรื่องบางส่วน..โดยเฉพาะตรงที่เป็นความรู้..มาจากบทความของพี่พีระนะคะ
เพื่อเป็นวิทยาทานแก่คนที่มาอ่านไดของโบ จะได้รู้สึกว่าได้อะไรกลับไปบ้าง หุหุ)

....................................


ฮิโรชิม่า (HIROSHIMA) นิยามในภาษาอังกฤษใช้คำว่า WIDTH ISLAND
ซึ่งหมายถึงเกาะที่มีพื้นที่บริเวณกว้าง

ลักษณะทางภูมิศาสตร์โดยทั่วไปเมืองนี้จะถูกล้อมรอบด้วยภูเขา
บริเวณใจกลางเมืองถูกโอบและขนาบข้างด้วยแม่น้ำทั้งเมือง
สภาพตัวเมืองจึงมีลักษณะเป็นเกาะดังคำนิยาม

เมืองฮิโรชิม่าเป็นเมืองที่ค่อนข้างใหม่ไม่มีสถาปัตยกรรมเก่าๆให้ได้ดูชม
สภาพเมืองได้รับการจัดวางฝังเมืองและจัดระเบียบเป็นอย่างดี
มีการจัดโซนนิ่งพื้นที่เป็นสัดเป็นส่วนเช่น Shopping center, Industrial area
โซนที่พักอาศัย และโซน Entertainment district

เมืองฮิโรชิม่าประกอบด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่งด้วยกัน
แต่ที่เป็นจุดเด่นและเป็นสัญลักษณ์ของเมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งสันติภาพและวัฒนธรรม
ระดับนานาชาติ (International City of Peace and Culture)
ที่ทุกคนมาแล้วก็ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงก็คงจะเป็นบริเวณที่เรียกว่า
"Memorial Park" และ Miyajima Guchi

หรือหากมีเวลาพอสำหรับที่ Hiroshima Castle ก็น่าสนใจเช่นกัน
และในช่วงเย็นเราก็จะจบที่ถนนคนเดินช๊อปปิ้ง Hondori

...............................

ไปถึงฮิโรชิม่า ตามเวลาที่เห็นในนาฬิกานี่แหละจ๊ะ
ใช้เวลามั่วๆหาทาง หาล็อคเกอร์ฝากของเสร็จก็เกือบเที่ยงแล้ว

หลังจากทานข้าวเที่ยงเสร็จก็ซื้อตั๋วรถราง+เรือเฟอร์รี่แบบหนึงวัน
ใช้กี่เที่ยวก็ได้มากับปะป๊าคนละ 1 ใบ
แล้วก็จับรถรางมุ่งหน้าไปที่ Miyajima ทันที

ขึ้นรถราง

ต่อด้วยเรือเฟอร์รี่

ใช้เวลาเดินทางด้วยรถรางอืดๆ ร่วมหนึ่งชั่วโมง
แล้วลงเรือเฟอร์รี่ไปยังเกาะมิยาจิม่า ใช้เวลาประมาณสิบนาที

Miyajima เป็นสถานที่อีกแห่งหนึ่งที่อยู่ในโปรแกรมท่องเที่ยวที่สำคัญของเมืองนี้
ลักษณะเป็นเกาะตั้งอยู่ใกล้กับชายฝั่ง

เกาะมิยาจิม่า (Miyajima Island) ถูกจัดให้เป็น World Cultural Heritage
เมืองมรดกโลกที่สวยงามขนาดในแผ่นผับถึงกับเขียนไว้ว่า
One of Japan’s 3 Most Beautiful Spots
(สามที่ที่ว่านี้ประกอบด้วยไปด้วย Matsushima, Miyajima และ Amanohashidate)

ที่มิยาจิม่านี้มีชื่อเสียงมากในฤดูใบไม้ร่วงช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน
เพราะเกาะทั้งเกาะจะกลายเป็นสีแดงเพราะที่นี้มีต้นเมเปิ้ล (Momiji) เยอะมากๆ

Otorii Gate


Five-Storied Pangoda

เมื่อเรือเข้าจอดเทียบท่าเรือบนเกาะแล้ว พ้นจากตัวอาคารท่าเรือออกมา
ก็จะเจอกับลานกว้าง จากลานกว้างเราสามารถเลือกเดินเที่ยวได้ 2 ทาง
ถ้าจะไปชมโทริสีแดงกันใกล้ ๆ ก็ไปทางขวา แต่ถ้าอยากไปชมวิวทั้งเกาะก็ไปทางซ้าย
โดยเขามีแผนที่นำทางแจกให้ด้วย

...ถ้าพวกเราเลือกไปทางขวาเราจะเห็นว่า ...
บริเวณริมทะเลเขาจะทำเป็นแนวเขื่อนหินยาวไปตลอดแนว
มีทางเดินขนานไปกับแนวเขื่อน ด้านหน้าจะมองเห็นเจดีย์ห้าชั้นอยู่ไม่ไกลนัก

เดินมาอีกราว 500 เมตร ก็จะเห็นโทริสีแดงกลางทะเลอันเล็ก ๆ
ประตูโอโทริกลางน้ำเป็นประตูสีแดงทำจากไม้การบูรตั้งตระหง่านกลางทะเล
โดยมีภูเขา Misen Mountain เป็นฉากด้านหลัง สัญลักษณ์ของเมืองมิยาจิมะ

ในช่วงปีใหม่ที่เกาะแห่งนี้จะมีเทศกาลฉลอง ชายญี่ปุ่นจะแต่งตัวแบบโบราณ
และมาร่วมทำกิจกรรมและการละเล่นต่าง ๆ ที่ประตูโอโทรินี้
ในหน้าร้อนช่วงเทศกาลยูกาตะก็จะมีการจุดดอกไม้ไฟ

นอกจากนี้...
ที่นี่ก็ยังย่างหอยนางรมกันหน้าร้านยั่วน้ำลายกันเห็นๆ
ซี๊ด~


หอยนางรมตัวโตๆถือเป็นอาหารท้องถิ่นขึ้นชื่อสำหรับผู้มาเยือน
(หอยนางรมทั้งหมดที่ขายในประเทศญี่ปุ่น 60% เป็นหอยนางรมที่เป็นผลิตผลของเมืองฮิโรชิม่า)

แล้วก็ยังมีขนมชื่อดังของเมืองฮิโรขิม่า
(ซึ่งเราไม่ยักกะรู้สึกว่ามันต่างจากขนมไส้ถั่วแดงที่ขายที่เมืองอื่นสักเท่าไหร่)
ชื่อว่า "โมมิจิ" เป็นขนมไส้ถั่วแดงรูปใบเมเปิ้ลนั่นเอง



หลังจากเดินที่มิยาจิม่ากันจนเมื่อยแล้ว
เรากับปะป๊าก็ขึ้นเรือเฟอร์รี่ ต่อด้วยรถรางกลับมายังตัวเมืองฮิโรชิม่า

ซึ่ง..ก็ไม่พ้นเรื่องช็อปปิ้ง อิอิ
(ความกดดันจากคราวที่แล้วยังไม่หมดๆ หุหุ)
โดยเดินทางมาที่ย้านการค้าชื่อว่า Hondori



นัดเจอกับพี่พีระที่นี่...
พี่พีระคือพี่ที่เจอตอนไปทริปสกีนักเรียนไทยเมือต้นเดือนที่ผ่านมา
พี่เค้าเรียนอยู่ที่นี่ แล้วก็ช่วยเป็นธุระเรื่องทื่พักให้ในครั้งนี้

ขอกราบงามๆ...ณ ที่นี้นะคะ

แล้วก็พากันไปกินโอโคโนมิยากิ สูตรฮิโรชิม่า

อาจจะสงสัยว่ามันต่างกับที่เราเห็นๆกันปรกติยังไง
ตามร้านอาหารที่เมืองไทย คิดว่าทั้งหมดนะ
จะเป็นโอโคโนยากิสูตรโอซาก้า คือเอาแป้งเข้าไปผสมกันตัวเครื่องเลย

แต่ของที่นี่จะต่างออกไป
เพราะเป็นการนำแป้งสองแผ่นมาประกบกันหน้าหลัง
ตรงกลางจะเป็นกะหล่ำปลี และเส้นอุเงหรือโซบะ

หน้าตาเป็นแบบนี้ล่ะ..



หลังจากกินเสร็จก็เดินทางไปยังโรงแรม
พักผ่อนเอาแรงเพื่อลุยวันต่อไป

..................................................................

เช้าวันต่อมา...
รู้สึกไม่ค่อยสบาย สงสัยเมื่อวานจะหนักไปหน่อย
เลยไปซื้อยาที่ร้านขายยา

ได้ยามาหนึ่งแผง ราคาเกือบ 2,000 เยน!!
โอ้วว..จอร์จ!!

แต่ก็ต้องทำใจซื้อแลกกินมันไป
เพราะไฮไลท์ของวันนี้อยู่ที่

Peace Memorial Park!



ที่เห็นอยู่นี่คือ Atomic Bomb Dome
เป็นสิ่งก่อสร้างรูปทรงตะวันตก ซึ่งเป็นซากที่ยังเหลืออยู่
จากการทิ้งระเบิกปรมาณูลูกแรกของโลกที่เมืองฮิโรชิม่า
ในปี 1945

ตอนนี้กลายเป็นมรดกโลกไปแล้ว
(เสียดายที่ตอนนี้ซ่อมแซมอยู่ ทำให้มีนั่งร้านตั้งเต็มไปหมดเลย

เมื่อเดินไปถึงตรงกลางสวน
ก็จะพบอนุเสาวรีย์ของหนูน้อยซาดาโกะกับนกกระเรียนพับด้วยกระดาษ
นกกระเรียนกระดาษหลากสีจำนวนมากที่ผู้คนช่วยกันพับมา
ถูกจัดเก็บไว้อย่างดีภายในตู้กระจกที่เรียงรายอยู่ด้านหลังหนูน้อย .

..นกกระเรียนกระดาษเหล่านี้เป็นเครื่องหมายเพื่อลำรึกถึงสันติภาพ
ครั้งนั้นหนูน้อยซะดะโกะ(Sadako Sasaki)
ได้รับผลรังสีจากระเบิดปรมาณูเมื่อตอนอายุสองขวบ

สิบปีต่อมาผลกระทบจากรังสีส่งผลให้เธอเป็นลูคิเมีย
ทำให้ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
ท่ามกลางคามเจ็บปวดเธอได้เแต่พับนกกระเรียนตัวแล้วตัวเล่า
อย่างมีความหวังว่าการรักษาจะเป็นผล
เธอเสียชีวิตหลังจากการดิ้นรนต่อสู้กับความเจ็บปวดที่ยาวนานถึง 8 เดือน



เสียดายที่ในพิพิธภัณฑ์ไม่สามารถถ่ายรูปมาให้ดูกันได้
แต่ก็ไม่น่าถ่ายเท่าไหร่หรอก เพราะข้างในก็เป็นรูปภาพจัดแสดง
ผลกระทบจากระเบิดในครั้งนั้น

ซึ่งแต่ละรูปก็น่าสะพรึงกล้ว และทำให้รู้สึกอาลัยกับสงครามในครั้งนั้นมาก
ไม่เห็นแหละดีแล้วอ่ะนะ เหอๆ



ที่เที่ยวที่สุดท้ายที่จะพาไปคือ "ปราสาทฮิโรชิม่า"

ปราสาทนี้มีชื่อที่อีกชื่อหนึ่งว่า "Carp castle"
(หลังคาของบ้านเรือนและปราสาทในฮิโรชิม่าเป็นรูปปลาครับลองสังเกตุดู)

ภายในมีการจัดแสดงประวัติและเรื่องราวของการก่อสร้างปราสาทแห่งนี้ในยุคเอโดะ
รวมถึงเครื่องแต่งกาย หมวก และอาวุธต่างๆที่ใช้ในทางการทหาร และเรื่องราวการบูรณะ
และก่อสร้างขึ้นใหม่หลังจากได้รับผลกระทบจากระเบิดปรมาณู

ซึ่งเราก็ไม่ได้เข้าไปดูหรอกนะ แบบว่าขี้เกียจอ่ะ เดินมาก็เมื่อยแล้ว

หลังจากนั้นไม่นาน ก็ขึ้นรถไฟชินกังเซ็นกลับบ้าน
เหนื่อยง่ะ..

..........................................

จบแล้วจ้า พาไปเที่ยวฮิโรชิม่าวันนี้
เหนื่อยทีเดียว เพราะเดินทั้งวันไม่มีหยุดหย่อนเลย

ขอบคุณอีกครั้งนะคะพี่พีระที่ช่วยเหลือทำให้ทริปนี้ประสบความสำเร็จ
และก็ข้อมูลดีๆ ที่โบแอบไปขโมยมาโดยไม่ได้บอกล่วงหน้า
เหอๆๆๆๆ

........................................

พบกันใหม่ในตอนต่อไป
ซึ่งยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะเขียนเรื่องอะไร เหอๆๆ -_-"

5 Comments:

Anonymous Anonymous said...

อยากไปมั่งจัง -_-
โอโคโนมิยากิน่ากินโคตร
ซอสทะลัก ว้าวววววว
T_T อยากไปจัง...

take care
เปนห่วงนะ -_-

11:15 PM  
Anonymous Anonymous said...

พี่พีระบริการทุกระดับประทับใจ.. ^^
ขอโทษจริงๆนะวันนี้ไปด้วยไม่ได้อ่ะ
เออ.. ลืมบอกไปอีกอย่างว่าตรงท่าเรือจะข้ามไปมิยาจิมาจากสถานีมิยาจิมาอ่ะ มีอาหารท้องถิ่นอร่อยอยู่ (เพื่อนแนะนำมาอีกที ยังไม่เคยไปกินเหมือนกัน) เดี๋ยวพ่อกะแม่มาจะพาไปเที่ยวมั่ง

11:15 PM  
Anonymous Anonymous said...

โย่ว แวะมาทักทายนะพี่โบ รุปสวยดีจัง ดีจิงมีโอกาสได้เที่ยวเยอะแยะเลย อยากไปมั่งอ่า

11:15 PM  
Anonymous Anonymous said...

เขียนได้ละเอียดดีจัง เราก้อเคยไปตอนมาญี่ปุ่นได้สามเดือน ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเท่าไหร่ แถมตอมไปอะตอมมิกโดม ปิดซ่อมอีก แต่เข้าไปดูพิพิธภัณฑ์นี่ ตอนนั้นยังถ่ายรูปได้เลยนะ แต่ห้ามใช้เฟลช

11:16 PM  
Anonymous Anonymous said...

อยากกินฮิโรชิม่ายากิ ที่ฮิโรชิม่าอีกอ่ะ หร่อยๆๆ
คราวก่อนไป พิพิธภัณฑ์มันปิด เซ็งเลย
ว่าจะเปรียบเทียบซะหน่อยว่าที่ฮิโรชิม่ากับนางาซากิ อันไหนเจ๋งกว่ากัน

11:16 PM  

Post a Comment

<< Home