zz *Bow's Journey Under the RainBow*: 4 วันใน Tokyo...หลงแสงสีเข้าเสียแล้ว

*Bow's Journey Under the RainBow*

And this is a little journey of me...

Wednesday, March 01, 2006

4 วันใน Tokyo...หลงแสงสีเข้าเสียแล้ว

ความจริงแล้วขี้เกียจมาอัพเดทเรื่องมากวันนี้
ขอบ่นก่อนเล่าเรื่องละกันนะ

ยุ่งๆตั้งแต่เช้าเลย
มาถึงโอซาก้าตั้งแต่เช้าตรู่ ฝนตกพร่ำๆ
นั่งรถไฟหลับมาบ้าน ต้องลากกระเป๋าขึ้นมาจากเนินโคลนที่ก่อสร้างอยู่
มาถึงโรงเรียน จะเซ็นรับทุนวันนี้ก็ปิดอีก...

เลยต้องเสียตังค์ค่ารถไฟไปอีก campus หนึ่งเพียงเพื่อเซ็นทุน
เฮ้อออออ~
กลับมาบ้านก็ต้องซักผ้า จัดกระเป๋า
นี่ยังจัดไม่เสร็จนะ เพราะรอผ้าแห้งอยู่

โอย...เหนื่อย

แต่ก็คิดว่าถ้าไม่รีบมาอัพเดทซะตั้งแต่ตอนนี้
พรุ่งนี้กลับเมืองไทยไปก็คงไม่มีอารมณ์มานั่งอัพหรอก
เน็ทก็ช้า อากาศก็ร้อน ฮ่าๆๆๆๆ

บ่น บ่น บ่น บ่น บ่น

หนาวก็บ่นร้อนก็บ่น ท่าทางจะแก่แล้ว -_-"

อ่อ...
อีกอย่างนะ
คิดว่าอีกไม่นานจะย้าย web hosting แล้วล่ะ
เพราะอันนี้มันใส่รูปได้น้อยอ่ะ แล้วบางทีโหลดรูปไม่ค่อยขึ้น
ไว้ย้ายเสร็จเมื่อไหร่จะมาบอกละกันนะ

อ่อ...
แล้วก็คิดว่าคงได้ฤกษ์จะอัพเป็นภาษาอังกฤษแล้วล่ะ
หลังจากมีเพื่อนต่างชาติเพิ่มขึ้นๆ

โอ้...ก้วน skill ภาษาอังกฤษอันต่ำต้อยของเรา
จะอ่านกันเข้าใจไหม ฮ่าๆๆๆๆๆ

....................................................

บ่นเสร็จแล้ว ขอเข้าเรื่อง
อย่างที่แจ้งให้ทราบเมื่อคราวที่แล้วแล้วว่าจะเข้าโตเกียว
เหตุผลก็คือ ยังกลับบ้านไม่ได้เนื่องจากต้องรอเซ็นทุนวันที่ 1 มีนา
และอีกเหตุผลหนึ่งคือ จะไปเยี่ยมนาโฮโกะ นั่นเองงง

คืนวันที่ 24 หลังจากเหยียบโอซาก้าได้ไม่ครบวันเต็ม
ก็ต้องลากกระเป๋าไปขึ้นรถทัวร์อย่างไม่ทราบชะตากรรม
เป็นการขึ้นรถทัวร์ "คนเดียว" ครั้งแรก
แถมดันมาขึ้นในประเทศที่คุยกะคนส่วนใหญ่ของประเทศไม่รู้เรื่องอีกตะหาก

ไปถึงอุเมดะด้วยความงงงวย..
แต่งานนี้ต้องขอขอบคุณพี่จุ๊บเป็นอย่างสูงนะคะ
ที่ไปยืนให้กำลังใจ และส่งโบว์ขึ้นรถไปโตเกียวได้โดยสวัสดิภาพ
ขอกราบงามๆ...ให้ ณ ที่นี่
ขอให้ผลบุญที่พี่ได้ทำ ส่งผลให้พี่เรียนจบในเร็ววัน
ส๊า~~~~~ธุ

ขึ้นรถด้วยใจตุ้มๆต่อมๆ...
นอนไม่ค่อยหลับเช่นเคย

ไปถึงชินจูกุ เวลา 6.00 น.
ถึงก่อนเวลาตั้งครึ่งชั่วโมง

ตอนแรกก็เอะใจนะ...
เพราะคิดว่ามาชินจูกุครั้งนี้มันครั้งที่ 4 แล้วนะ
จะไปหลงได้ยังง๊ายยยยย~

แต่พอลงรถมา...
เอ...
ตรงนี้มันส่วนไหนของชินจูกุหว่า -_-"

ไอ้เราก็เดินตามหาห้องน้ำเพื่อจะล้างหน้าล้างตา
ทำผม แต่งหน้า ให้หน้าเป็นคนหน่อย
เคราะห์กรรมซ้ำเติม...
หกโมงเช้าห้องน้ำยังไม่เปิดค่ะ -_-"

ก็เลยคิดว่า..เอางี้ละกันเราลองขึ้นบนดินไป
เผื่อเราจะเจอจุดที่เราคุ้นเคย...
เดินวนรอบสถานีไปเกือบรอบนึงได้มั้ง

ในที่สุด...
ในที่สุด...
เราก็เจอสถานที่ช็อปปิ้งที่เราคุ้นเคยยยย

คิดถึงลูกตาลเลย...ลูกตาลลลลลล
ตรงนี้ไงที่เราเคยเดินมั่วซั่วมากินอาหารอิตาเลียนกันเมื่อปีที่แล้ว

ไม่พูดพร่ำทำเพลง...
มองหา McDonald's และส่งเมลไปหานาโฮโกะ

สิบโมง...นาโฮโกะก็มา
โอ้...คิดถึงมาก ไม่ได้เจอกันตั้งนาน
ดูผอมลงนะ แต่เจ้าตัวบอกว่าไม่ผอม
หรือว่าเราอ้วนจนมองคนอื่นผอมไปหมดแล้วหว่า

อ่อ..แล้วบอกไว้ก่อนนะว่าไม่ได้มาเที่ยวน้า
มาโตเกียวครั้งนี้มาเยี่ยมญาติโดยเฉพาะ
เพราะโตเกียวมาหลายครั้งแล้วอ่ะ

สถานที่แรกที่ไปคือ สวนสาธารณะ Ueno
นาโฮโกะชวนไปพิพิธภัณฑ์ Tokyo Metropolitan Museum
เพราะว่ามีงานของรุ่นพี่ที่รู้จักมาตั้งโชว์อยู่ด้วย


ถึงแล้ว..ชอบลูกๆนี้มาก ตั้งอยู่ข้างหน้าพิพิธภัณฑ์เลย

หลังจากออกจากพิพิธภัณฑ์แล้วก็ไปกินข้าว
แล้วก็ไปเดินห้าง แล้วในระหว่างเดินห้างอยู่นั้นก็เจอ
"Hokkaido Umai Mono Matsuri"
(เทศกาลของอร่อยของฮออคไกโด)

ได้ยินชื่อก็น้ำลายสอกันแล้วดิ....
เอารูปมาให้ดูกันเซิร์ปๆ สองรายการที่คิดว่าเด็ด นั่นคือ...

อันนี้อาจเรียกได้ว่า..ข้าวหน้าก้ามปูยักษ์


อันนี้เห็นแล้วอยากอ้วน เหอๆ...

อ่อ..ฮอคไกโดนี่มีชื่อเสียงเรื่องผลิตภัณฑ์จากฟาร์มและอาหารทะเลนะ

มีอย่างหนึ่งที่น่าเจ็บใจก็คือ..
มันมี Chocolate Royce' ขาย
กรี๊ดดดดดดดดดดดด

อาทิตย์ที่แล้วสั่งช็อคโกแลตยี่ห้อนี้มาจากฮอคไกโด
เสียค่าส่งตั้ง 1,100 เยน แงแงแงแง

วันแรกในโตเกียวจบลงด้วยความเจ็บใจ
ไปถึงบ้านนาโฮโกะก็สลบเหมือด...เพราะเมื่อคืนไม่ได้นอน

............................................

วันที่สอง...
ตื่นสาย...
นอนอิ่มมาก ทดแทนเวลาที่หายไปได้เลย

วันนี้ที่ที่จะไปก็คือ...ศาลเจ้าคามาคุระ
ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมทางเข้าทุกวัดต้องมีสถานที่ทดสอบกิเลสมนุษย์ (เพศหญิง)
ด้วยการมี shopping street ควบคู่ไปด้วยแทบทุกวัดน้า~

ฮ่าๆ...ไม่ๆๆๆ ไม่ได้ซื้ออะไรมา
สงสัยเฉยๆ

ถึงศาลเจ้าแล้วจ้า
นี่ขนาดฝนตกนะ คนยังเยอะขนาดนี้


วันนี้โชคดี...มีงานแต่งงานด้วย

สถานที่ต่อไปที่จะไปก็คือ...
China Town!!!

อ่อ...ลืมบอกไปนะ
ว่าคามาคุระ และ China town เนี่ยอยู่ที่จังหวัดคานากาว่า
ไม่ใช่โตเกียวนะ..เพราะบอกแล้วไงเที่ยวโตเกียวเยอะแล้วว

ถึงแล้วจ้ะ China town ที่โยโกฮาม่า


ไม่พ้นที่จะเห็นซาลาเปาควันฉุยอยู่ทุกร้าน
มีบางลูกใหญ่มาก ลูกละ 900 เยนก็มีนะ
เหวอออออ (คูณ 0.35 เอาเองนะ)


จบวันที่สองด้วยความทุลักทุเล เพราะฝนตกพรำๆทั้งวัน
หนาวจับใจยิ่งนัก

..............................................

วันที่สาม...
วันนี้นาโฮโกะไม่ว่าง ต้องทำการบ้าน
แต่ไม่เป็นไรเพราะนัดพี่นิไว้แล้ว

ตอนเช้าติดสอยห้อยตามนาโฮโกะไปที่มหาวิทยาลัย Keio วิทยาเขต Shonen อะไรสักอย่าง..
ซึ่งนาโฮโกะบอกว่า campus ของนาโฮโกะมันบ้านนอกมากๆๆๆๆ
พอไปถึง...ก็นะ มีแต่ตึกที่ตั้งอยู่กลางทุ่งหญ้า (ไม่ใช่ทุ่งนานะ)


ไปเล่นเน็ทตอนเช้า พอเที่ยงก็ออกมา เพราะนัดพี่นิไว้ตอนบ่ายสอง

วันนี้พี่นิจะพาไปเที่ยวสถานที่ที่ชื่อว่า Minato Mirai
เห็นเฮียโฆษณาไว้ตั้งนานแล้วว่าที่นี่สวยทั้งกลางวันกลางคืน
ส่งเว็บมาให้ดูหลายรอบแล้วด้วย ฮ่าๆๆๆ

ก่อนพี่นิจะมาก็ได้ไปแวะที่ร้านหนังสือเล็กน้อย
แล้วก็พบว่าโคนันที่นี่ออกถึงเล่มนี้แล้วนะ

โอ้..ไม่จบไม่สิ้นกันสักที การ์ตูนเรื่องนี้
ชั้นอ่านมาตั้งแต่ ป.5 แล้วนะ คนเขียนมันยังไม่เบื่ออีกเหรอเนี่ย

ไปเที่ยวกันดีกว่าๆ
ถึงแล้วมินาโตะมิไร

โยโกฮาม่าเป็นเมืองท่านะ เหมือนโกเบน่ะแหละ
ทำให้มีสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกอยู่เยอะ
รูปที่เห็นไม่ใช่บ้านจริงนะ มันเป็นสวนสนุกน่ะ


รูปนี้เห็นทะเลข้างหลัง เป็นท่าเรือนะ


รูปนี้แอบถ่ายคนเล่นกับแมว ฮ่าๆๆ ขอถ่ายดีๆไม่ชอบ ต้องให้แอบ ฮ่าๆๆๆ


มื้อเย็นที่ China Town ที่ไปมาเมื่อวาน คือมันใกล้กันน่ะเลยเดินไป
เป็นติ่มซำทะเบะโฮได (แปลว่าบุฟเฟต์) ฮ่าๆๆ


ปิดท้ายด้วยรูปมินาโตะมิไรยามค่ำคืน สวยจังน้า~

...................................................

วันที่สี่...
วันนี้ก็นัดเพื่อนไว้อีกเหมือนกัน

คราวนี้เป็นเพื่อนคนญี่ปุ่นที่เคยเจอกันแว้บๆที่ HPAIR
คือถ่ายรูปด้วยกันตอนงาน International Night น่ะ
ก็เลยขอ e-mail เค้าไว้แล้วก็ส่งรูปไปให้

หลังจากนั้นก็ติดต่อกันเรื่อยๆ
พอมาโตเกียวก็เลยบอกเค้า
เค้าก็เลยชวนมากินข้าวด้วยกัน

คนนี้ๆ


นัดเจอกันที่ชินจูกุ
มาสาย..เพราะพอดีเกิดเหตุการณ์คนฆ่าตัวตายตรงรางรถไฟ
ทำให้รถไฟมาช้า (ดีนะ..ไม่เห็นเหตุการณ์ บรื๋อ~)

นาโฮโกะบอกว่าที่นี่มีคนฆ่าตัวตายให้รถไฟชนทุกวัน
จนคนเลิกตื่นเต้นไปแล้ว คนที่ทำงานที่รถไฟก็เก็บศพกันภายในห้านาที เหอะๆๆ

เข้าเรื่องดีกว่า...
พอไปช้าเค้าก็เลยให้โทรไปหาเค้า
พอโทรไป เค้าพูดภาษาญี่ปุ่นมา
เราก็ต่อมภาษาญี่ปุ่นกระตุก...ตอบเป็นภาษาญี่ปุ่น
ไปได้สักสี่ห้าประโยค สงสัยเค้าเริ่มจับได้ว่าพูดไม่รู้เรื่อง
เลยพูดภาษาอังกฤษมา... ฮ่าๆๆๆ อนาถ 5 เดือนผ่านไป ภาษาญี่ปุ่นไม่กระเตื้อง

พอเจอกัน...
เอ๋...หน้าตาคุ้นๆ
แต่ทำไมมันดูเท่ห์ขึ้นว้า

ก็ไปกินข้าวกัน นาโฮโกะด้วยนะ
อ่อ..ลืมไป ชื่อ มาซาฮิโร่ เรียนอยู่ที่โทได นิติศาสตร์ ปริญญาโท
แถมพูดภาษาอังกฤษเก่งมากกก พูดเพราะมากกกกก

โอย..ชั้นอิจฉา
เค้าถามว่าภาษาอังกฤษเรานี่สำเนียงอังกฤษ
เรามีงง... เราบอกว่าน่าจะเป็น American นะ
แต่ไม่รู้ภาคไหนของอเมริกาล่ะ จริงๆแล้วมันเป็นสำเนียงที่ชั้นคิดเอง ฮ่าๆๆๆ

กินไปคุยไป...
รู้สึกว่าตัวเองพูดเยอะมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ตั้งแต่เมื่อวานที่เจอกับพี่นิแล้ว
เหมือนเก็บกดไม่ได้พูดมาสิบปี พูดไม่หยุดเลย
แล้วไม่รู้ขุดเรื่องอะไรมาพูดตั้งมากมายนะ

โอย..เหนื่อยไปเลย

ก่อนจะแยกกันก็ขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึก
ให้เปรียบเทียบกับรูปข้างบน
คือ..เท่ห์ขึ้นจริงๆนะ กรี๊ดๆๆๆ...เก็บมากรี๊ด

หลังจากนั้นก็ไป Tokyo Dome กับนาโฮโกะ
มีสวนสนุกชื่อ L'aqua ด้วยนะ
โรลเลอร์คอสเตอร์น่าเล่นมากกกกกกกกก
เพราะมันสูงมากกกกกกกกกก
แต่เนื่องจากอากาศหนาว ทำให้เกรงว่าจะเป็นปอดบวมลงมา
เลยไม่เล่น (ไม่รู้เป็นข้ออ้างหรือเปล่านะ แหะๆ)


ที่นี่มีร้าน Bakery ของ Moomin ด้วยนะ
น่ารักมากมายอ่ะ

ปิดท้ายการท่องเที่ยวโตเกียวครั้งนี้
ด้วย Namja Town ที่อิเคบุคุโระ

จริงๆแล้วไม่ได้ตั้งใจจะไปหรอก
แต่พอดีมันใกล้ แล้วก็ไม่มีอะไรจะทำ ก็เลยไปที่เนี่ยแหละ

มันคือเมืองแมวน่ะ...
ข้างในก็มีอะไรให้เล่นให้กินนิดหน่อย

มีบ้านผีสิงแมวด้วยนะ

ตาหลกดี..ฮ่าๆๆๆ

หลังจากนั้นก็ไปนั่งกินอาหารอิตาเลียน
แล้วก็นั่งคุยกันอยู่สองชั่วโมง...

โอย..เปนอะไรไม่รู้
สี่วันที่มาที่นี่ พูดไม่หยุดเลย
แล้วก็รู้สึกว่าสนุกมากอ่ะ

แล้วทำไมอยู่โตเกียวมันมีคนรู้จักเยอะจังง่ะ
แล้วแต่ละคนก็ดี๊ดีกับเรากันทั้งนั้น

สงสัย...จะได้มาอีก แหะๆๆ

นาโฮโกะบอกว่าคราวหน้าถ้ามานี่คงย้ายบ้านแล้ว
ให้ไปลงที่สถานีโตเกียวแทนนะ ไม่ต้องลงที่ชินจูกุ

แหะๆ..เหมือนรู้ว่าเราจะไปอีกยังไงก็ไม่รู้แฮะ

ห้าทุ่มกว่า...ขึ้นรถกลับโอซาก้า

ยังไม่อยากกลับเลย
ท่าทางจะหลงแสงสีเสียแล้วเรา


สุดท้าย...
ขอขอบพระคุณบุคคลต่อไปนี้ที่ทำให้สี่วันในโตเกียวสนุกสุดๆ

เต้ง - ขอบคุณที่เป็นธุระเรื่องการจองตั๋วรถทัวร์ให้ทั้งไปและกลับ
พี่จุ๊บ - ขอบคุณที่ไปให้กำลังใจโบตอนก่อนขึ้นรถ ทำให้มั่นใจว่าไม่ขึ้นรถผิดคันแน่นอน
นาโฮโกะ - ขอบคุณมากที่สละเวลา และที่พักให้เราไปนอนเล่นอยู่ตั้งสี่วัน ขอบคุณมากๆๆๆ และขอโทษที่ชวนคุยตลอดเวลา และบางครั้งให้ช่วยตอบอีเมลภาษาญี่ปุ่นจนต้องนอนดึกดื่น
พี่นิ - ขอบคุณที่สละเวลาเช่นกันที่พาโบไปเที่ยวมินาโตะมิไร พาไปกินติ่มซำทาเบะโฮได และขอบคุณที่เป็นเพื่อนคุยที่คุยได้สนุกสุดๆไปเลยคะ
Masahiro - I don't know that you'll have any chance to read my message to you or not but I wanna say thank you for everything. It was very nice to see you in Tokyo and I hope to see you again somewhere someday.

พรุ่งนี้จะกลับกรุงเทพฯแล้ว
สำหรับคนที่เมืองไทยก็ไว้เจอกันนะ
และสำหรับคนที่อยู่ญี่ปุ่นก็ไว้เจอกันเดือนเมษาฯค่า

ขอบคุณที่ติดตามอ่านไดอารี่สุดยาววันนี้ของโบ ^^

7 Comments:

Anonymous Anonymous said...

ตกใจกับซาลาเปาลูกละ 900 เยน.. - -"
อยากไปเดินเล่นโตเกียวเหมือนกัน..จะมีบุญได้ไปป่าวว้า
พี่นาโฮโกะน่ารักเหมือนเคยนะครับ อิอิ

...อ่านหนังสือต่อ - -

take care
เปนห่วงนะ -_-

5:11 PM  
Anonymous Anonymous said...

ยิ่งอยากไปอยู่น้า..
ยิ่งอ่านก็ยิ่งอยากไป เฮ้อ
ของที่นั่นแพงจริงๆอะ
แล้วก็พ่อหนุ่มนั่นมีแอบโอบไหล่ด้วย พี่โบนี่ร้ายเจงๆๆๆ
อิอิ
ยังงัยก็รีบกลับมาน้าพี่สาว คิดถึงมั่กๆ

5:11 PM  
Anonymous Anonymous said...

นาโฮโกะ น่ารักจังโฮ๊ะๆๆ

5:11 PM  
Anonymous Anonymous said...

ง่ะ อยากกลับบ้านมั่ง

5:12 PM  
Anonymous Anonymous said...

ในที่สุดก็ได้มาอ่านซักที น้องเราจะมีไปไหนโดยไม่หลงมั้ยเนี่ยะ.. -"-

ชื่อนาโฮะโกะแปลกดีจัง ไม่เคยได้ยิน แล้วนี่ตกลงได้ไปคามาคุระมาป่าวเนี่ยะ ไม่เห็นมีรูปเลย

เดี๋ยวพรุ่งนี้เจอกันเด้อ

5:12 PM  
Anonymous Anonymous said...

เหย...
หล่อว่ะ แนะนำด้วย
บอกว่ามีเพื่อนจะไปต่อโทนิติที่โน่นละกันนะ 555

5:12 PM  
Anonymous Anonymous said...

เพื่อนน่ารักดี (นาโฮโกะ)

เจ้าหนุ่มนี่มือไวจริงๆ ทั้งสองรูปเลย :>

5:12 PM  

Post a Comment

<< Home