zz *Bow's Journey Under the RainBow*: Osaka Museum of History

*Bow's Journey Under the RainBow*

And this is a little journey of me...

Tuesday, June 20, 2006

Osaka Museum of History

พอดีอาทิตย์ที่แล้วทำอะไรหลายอย่างเกินไปง่ะ
มีเรื่องมาเล่าเพียบเลย
แต่ไม่อยากอัพเดทที่เดียว
ก็เลยค่อยๆทยอยเอามาเล่าให้ฟังกันเน้อ..

เรื่องที่จะเล่าวันนี้นี่เกิดขึ้นตั้งแต่วันพุธที่แล้วแล้วล่ะ
พอดีเมื่อวันอังคารที่แล้วพี่ใหม่มาทำงานพิเศษที่โอซาก้าพอดี
ก็เลยมานอนค้างบ้านเรา

เช้าวันต่อมาก็เลยพากันไป Osaka Museum of History กัน

เนื่องจากได้สิทธิพิเศษนักเรียนต่างชาติของมหาวิทยาลัยโอซาก้า
งานนี้เลยได้เข้าฟรี แหะๆ
แต่ค่าเดินทางไปก็แพงแล้วอ่ะนะ ก็เลยไม่ได้คิดว่ามันถูกอะไร


พิพิธภัณฑ์นี้ตั้งอยู่ข้างๆกับตึก NHK เลย
ที่เห็นกลมๆนี่คือทางเชื่อมที่สามารถเดินข้ามระหว่างสองตึกได้
โอ้.. แค่ข้างนอกก็ประทับใจในสถาปัตกรรมแล้วเธอออ..

ขอเกริ่นกันก่อนว่า..
พิพิธภัฑณ์นี้ตั้งอยู่บนสถานที่ที่เคยเป็นพระราชวงโบราณมาก่อน
นั่นก็คือพระราชวัง Naniwa (เดี๋ยวจะได้รู้ว่าพระราชวังนี้คืออะไร)

รูปนี้อาจจะไม่ค่อยชัด แต่ที่เห็นอยู่เบื้องล่างกระจกนั้นก็คือ..
พื้นดินสมัยโบราณ นั่นคือเป็นพื้นของปราสาทนานิวะมาก่อนนั่นเอง

ขณะนี้..
เราจะพาทุกท่านเดินทางข้ามเวลา
ไปดูโอซาก้าในอดีตกันจ้า...

..............................................

ยุคโบราณ

ยุคโบราณ หรือที่เรียกว่ายุคนานิวะนั้น
ไม่ได้เป็นเพียงแค่เป็นศูนย์กลางของการขนส่งภายในประเทศเท่านั้น
แต่นานิวะยังเป็นเสมือนหน้าต่างในการติดต่อกับประเทศอื่นในเอเชียตะวันออกอีกด้วย

เนื่องจากโอซาก้าเป็นเมืองท่า (คงรู้กันใช่ไหม??)
ในอดีตบริเวณนี้ก็เป็นท่าเรือโบราณ เรียกว่า Naniwazu
ซึ่งได้มีการติดต่อกับจีนในสมัยราชวงศ์ Sui (581-618 AD)
โดยได้ส่ง Bunrinro Haiseisei และพระ Ganjin มาเพื่อเจรจาทางการทูต
และรวมถึงยังมีผู้ที่มาติดต่อมากมายจากทั้งทางจีนและคาบสมุทรเกาหลี

ในสมัยนั้นมีการก่อตั้งสถาบันระดับชาติขึ้นมากมาย
รวมถึงเครื่องปั้นดินเผา และพราราชวังนานิวะเองก็ถูกสร้างขึ้นด้วยเช่นกัน

โดยปราสาทนานิวะนี้ถูกสร้างขึ้นโดยพระจักรพรรดิ Shomu ในสมัย Nara
(นาราเป็นเมืองหลวงเก่าของญี่ปุ่น ก่อนที่จะเป็นเกียวโต และโตเกียว ตามลำดับ)

ปราสาทนานิวะถูกสร้างขึ้นบนที่ราบสูง Uemachi
ซึ่งทำให้สามารถมองเห็นทะเลได้จากระยะไกล

นานิวะโบราณนั้นมีการติดต่อสื่อสารกับประเทศอื่นๆในเอเชียตะวันออก
โดยการค้าทางทะเล และเป็นเมืองท่าที่มั่งคั่งมากในยุคเริ่มแรกของญี่ปุ่น

จากที่เห็นในรูปจะเห็นได้ว่า ญี่ปุ่นในสมัยโบราณนั้น
ได้รับปอิทธิพลจากจีนมามาก ทั้งสิ่งก่อสร้างและการแต่งการ
โดยในรูปเป็นการจำลองห้องโถงใหญ่ของปราสาทนานิวะในสมัยนั้น

ยุคกลาง และยุคต้นสมัยใหม่

เมื่อครั้นเข้าสมัยยุคกลาง
เมืองโบราณต่างๆได้ถูกเปลี่ยนให้เป็นสถานที่หลากหลายในโอซาก้า
รวมถึงท่าเรือก็ถูกส้รางขึ้นบริเวณแม่น้ำ Yodogawa

ในสมัย Heian นั้น ท่าเรือ Watanabe-no-tsu
ได้ถูกสร้างขึ้นแทนที่ท่าเรือนานิวะในสมัยโบราณ

ในทางตอนใต้ถนน Kumano ได้ถูกสร้างต่อมาจากท่าเรือ Watanabe-no-tsu
และได้กลายเป็นถนนที่มีผู้คนคับคั่ง โดยเฉพาะผู้แสวงบุญที่จะเดินทางไปยัง Kumano, Koya-san และวัด Shitenno-ji
ชุมชนเมืองต่างๆได้เกิดขึ้นบริเวณวัดวาอารามเหล่านั้นนั่นเอง

ภายหลังศตวรรษที่ 11 ผู้ที่มาแสวงบุญทั้งหลายได้ทำให้เศรษฐกิจในบริเวณนี้เฟื่องฟู
และก่อให้เกิดการค้า และช่างฝีมือมากมายไปด้วย

จวบจนสิ้นศตวรรษที่ 16 ในสมัยของ Toyotomi Hideyoshi
เมืองรอบปราสาทโอซาก้าได้ถูกสร้างขึ้น และได้ประโยชน์จากเมืองข้างเคียงด้วยความได้เปรียบทางเศรษฐกิจและสังคม

Toyotomi Hideyoshi สร้าปราสาทโอซาก้าเพื่อเป็นศูนย์กลางของญี่ปุ่น
แต่อย่างไรก็ตามปราสาทและตัวเมืองรอบๆก็ถูกทำลายลงเมื่อสงครามฤดูร้อนของโอซาก้า (the Summer War of Osaka)

โอซาก้าซึ่งเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงด้านการเดินทางทางน้ำนั้นได้ถูกปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่
ในสมัยของโชกุน Tokugawa จนโอซาก้าได้กลายเป็นศูนย์กลาง
ของการค้าและอุตสาหกรรม และได้ถูกเรียกว่า "Tenka no Daidokoro" (ครัวของชาติ)
ผู้คนในระแวกนี้ก็ถูกเรียกว่า "คนเมือง" ไปโดยปริยาย

ในปลายสมัย Edo เศรษฐกิจของโอซาก้าก็สั่นคลอน
เนื่องจากการปฎิวัติทางระบบการเงินในญี่ปุ่น และการเปลี่ยนแปลงในสมัย Meiji นั่นเอง

นิทรรศการในห้องนี้จำลองรูปแบบการเดินทางในสมัยก่อน
คือการเดินทางทางน้ำนั่นเอง .. สมมติให้เราเดินทางไปทางเรือ ผ่านสะพาน


ซึ่งเราสามารถเห็นวิถีชีวิตของคนในสมัยนั้นได้ตามริมแม่น้ำ


ที่เด่นอีกอย่างนึง และที่เราชอบมากก็คือ
การจำลองวิถีชีวิตชาวบ้านโดยใช้แบบจำลอง
ซึ่งแบบจำลองเหล่านี้ก็ทำได้ละเอียดมาก

เมาแอ๋แต่วันเลยคุณลุงคนนี้


อันนี้คุณลุงเจ้าหน้าที่บอกว่า สองคนนี้ไม่ถูกกันเท่าไหร่
เพราะคนนึงเรียนภาษาฮอลันดา อีกคนเรียนภาษาเกาหลี เลยเป็นคนละพวกกัน

คือเค้าเก็บรายละเอียดวิถีชีวิตของคนได้ดีมาก
รายละเอียดทั้งหน้าตา ท่าเดิน กิจกรรมที่ทำ ทำได้น่าประทับใจสุดๆ

เพิ่งนึกได้ว่า.. ไม่เคยเอารัปปราสาทโอซาก้ามาให้ดูกันเลยนี่นะ
คือชอบเอารูปเมืองอื่นมาให้ดู รูปเมืองตัวเองไม่เคยเอาขึ้นเลย เหอๆๆ

รูปนี้คุณพี่ชายถ่ายไว้เมื่อครั้งมาเยี่ยม

ยุคสมัยใหม่และร่วมสมัย

ถึงแม้ว่า"อซาก้าจะประสบปัญหาจากการเปลี่ยนแปลงประเทศในสมัยเมจิก็ตาม
อุตสาหกรรมผ้าฝ้าย และอุตสากรรมอื่นๆก็ยังมีบทบาทสำคัญในโอซาก้า
อีกทั้งหน่วยงานที่ผลิตเหรียญกระษาปณ์ก็ถูกสร้างขึ้นในโอซาก้าในยุคเมจินี้เอง

ในยุคสมัย Taisho โอซาก้าได้กลายเป็นเมืองอุตสาหกรรมชั้นนำของญี่ปุ่น
หลายครั้งโอซาก้าก็ถูกเรียกว่า "เมืองแห่งควัน" เนื่องจากมีโรงงานอุตสาหกรรมจำนวนมากนั่งเอง
อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากการเป็นเมืองใหญ่ก็ก่อให้เกิดปัญหาบางประการ เช่น มลพิษ จำนวนประชากรคับคั่งเกินไป และสิ่งแวดล้อมถูกทำลาย

เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองประทุขึ้นในปี 1941 โอซาก้าได้ถูกโจมตีทางอากาศ ทำให้เกิดความสูญเสียเป็นอย่างมาก เมื่อสงครามสงบลงก็ได้มีการซ่อมแซมเมืองอย่างรวดเร็ว

ในภาพที่เห็น เป็นภาพจำลองถนนช็อปปิ้งชื่อดังของโอซาก้าคือ Shinsaibashi
ในอดีต (ไม่มีรูปในปัจจุบันให้ดูแอะ ไม่เคยถ่าย แหะๆๆ)


หนังสือเรียนในอดีต (จริงๆเค้าห้ามถ่ายรูปอ่ะ แต่ไม่รู้ มาเห็นภาพตอนถ่ายไปแล้ว ก็เลยเลยตามเลย แหะๆๆ)

..........................................

บรรยายไปบรรยายมา..
หลายๆคนก็คงจับต้นชนปลายไม่ค่อยถูกว่าสมัยไหนมันสมัยไหนกันหว่า
ขอสารภาพว่าเราเองก็แอบบงงๆอยู่เหมือนกัน
เพราะไม่ได้แม่นประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นถึงขนาดนั้น
ทั้งๆที่เคยเรียนมาอยู่บ้าง

แต่หวังว่าการพาเที่ยวของเราวันนี้คงได้ความรู้กลับไปกันบ้างเน๊อะๆๆ

พอมาเห็นพิพิธภัณฑ์สวยๆ ดีๆ แบบนี้แล้ว..
ก็อยากจะเห็นเมืองไทยตั้งใจทำอะไรแบบนี้ให้เด็กๆมาศึกษาหาความรู้กันมั่งจังอ่ะ

จำได้ว่าตอนเด็กๆไม่ชอบไปพิพิธภัณฑ์เลย เพราะมีแต่ของเก่าๆ อะไรก็ไม่รู้
แล้วก็มีกระดาษแปะๆให้อ่านเอง แต่ที่นี่มีทั้งวีดีโอบรรยาย
มีเกมส์ให้เด็กๆเล่น มีแรลลี่ให้เด็กๆหาคำตอบ
คือขนาดชั้นแก่ขนาดนี้ชั้นยังสนุกเลยเธอ

อยากให้ภาพพิพิธภัณฑ์ในสายตาของเด็กไทยเป็นสถานที่ที่สนุก
และได้ความรู้ควบคู่ไปด้วยแบบนี้ ไม่ใช่เข้าไปแล้วก็สักแต่อ่านๆๆๆ อย่างเดียว
คือเราเองยังไม่อ่านเลยอ่ะ เหอๆ

หวังว่ามันจะเกิดขึ้นสักวันนึงอ่ะนะ

7 Comments:

Anonymous Anonymous said...

ดีจัง มีของดีๆ นำเสนอน่าสนใจให้คนในเมืองเค้าดูด้วย

อยากให้เมืองไทยมีงี้มั่งอ่ะ

พิพิธภัณฑ์ส่วนใหญ่ที่นี่มีแต่น่าเบื่อๆ

1:38 PM  
Blogger NoTtO said...

น่าไปนาเนี่ยยยย

10:56 PM  
Anonymous Anonymous said...

เราแอบเชียร์ Matsuhide นะ

ภายในปราสาทโอซาก้าก็ทำดีนะ
ตอนเราไปเจอแต่เด็กๆ ไปทัศนศึกษา


take care
เปนห่วงนะ -_-

10:58 PM  
Blogger noomai said...

โห... ไปขุดเอาประวัิติมาจากไหนละเนี่ยะ วันนั้นยังยืนมั่วกันอยู่เลย.. แต่ก็ชอบนะพิพิธภัณฑ์อันนี้เนี่ยะ โดยเฉพาะโมเดลที่เค้าทำจำลองชีวิตความเป็นอยู่ ชอบๆ

11:22 PM  
Blogger Oakyman said...

น่าไปแฮะ

อยู่แถวไหนอะ

เคยไปเดินข้างในปราสาทโอซาก้า
ใช้เวลา 4 ชั่วโมง!!!

เดินอ่านมันอย่างละเอียดทุกชั้น
ตั้งแต่ชั้นบนยันชั้นล่าง

2:21 AM  
Blogger Oakyman said...

ถ้ามาโตเกียวอีก อย่าลืมไป Edo-Tokyo Museum

2:22 AM  
Blogger *BoW* said...

ตอบพี่ใหม่..
ขอมูลที่เห็นนี่ก็เอามาจากหนังสือที่โบซื้อกลับไปในมิวเซียมช็อปไง อิอิ แต่มันก็ไม่ค่อยละเอียดเท่าไหร่อ่ะจริงๆแล้ว

ตอบพี่โอ้ค..
อยู่แถวปราสาทโอซาก้าเหมือนกันนะ เพราะมองจากพิพิธภัณฑ์ลงไปก็มองเห็นปราสาทไม่ไกลนัก วิธีไป ลง subway สถานี Tanimachi-4 Chome (Tanimachi line/ Chuo line) ประตู 9 นะ อย่าไปลงประตูอื่น หลังจากโบกะพี่ใหม่ออกประตูอื่นแล้วเดินหาอยู่ตั้งนาน เหอๆ

2:09 PM  

Post a Comment

<< Home