zz *Bow's Journey Under the RainBow*: Road Trip to Shimane & Tottori

*Bow's Journey Under the RainBow*

And this is a little journey of me...

Monday, May 22, 2006

Road Trip to Shimane & Tottori

สวัสดีมิตรสหายที่รักทุกท่าน
อย่าเพิ่งเบื่อกันนะ..
ไปเที่ยวมาอีกแล้วล่ะ ฮ่าๆๆๆ

พอดีช่วงนี้มาระลึกได้ว่าเหลือเวลาที่ญี่ปุ่นอีกไม่นานเท่าไหร่
มีเวลาว่างก็เก็บกระเป๋าออกจากบ้านเป็นว่าเล่น
สงสัยค่าไฟจะถูกมากๆแน่ๆ

แต่ไปเสียค่าเที่ยวแทน เหอๆๆ

แต่ทำไมกลับมาแล้วต้องอ้วนทุกทีเลยว้า~
อาทิตย์ที่แล้ว นน.อุตส่าห์ลดไปอีก
พอเที่ยวกลับมา นน.เด้งกลับมาเท่าเดิม -_-"

เครียด...
แล้วก็ลดกานหม่ายยยยยย

....................................................

คราวที่แล้วไม่ค่อยเห็นใครมาอ่านเท่าไหร่
(เพราะว่ามีอิงมาคอมเมนต์คนเดียว)
เพราะงั้นถ้าใครเข้ามาอ่านก็เขียนไรนิดนึงก็ดีนะคะ
จะได้รู้ว่าเข้าไปอ่านกันมาแล้วอ่ะ

อ่อ...
ส่วนใครที่สงสัยว่าจะคอมเมนต์แล้วต้องสมัครสมาชิกหรือเปล่า
ไม่ต้องสมัครนะคะ เข้าไปตรง comment
แล้วก็เลือก other ก็คอมเมนต์ได้แล้วค่ะ


เข้าเรื่องดีกว่า...
คราวที่แล้วเขียนไว้ตอนท้ายๆว่าจะไปเที่ยว Tottori
กับพี่จิ๋วแล้วพี่ใหม่

หลายๆคนคงทำหน้างงๆว่า Tottori นี่มันที่ไหนกันหว่า
แต่ไม่ต้องแปลกใจ ตอนแรกเราก็ไม่รู้จัก
และท่าทางจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวใหม่อ่ะ
เพราะคนญี่ปุ่นหลายๆคนก็ยังไม่มีใครไป

และรวมถึง..
น้องคิตตี้ที่มักจะไปเสร่อในทุกสถานที่ท่องเที่ยว
ที่นี่ก็เพิ่งมีนะ (เห็นเขียนแปะไว้ว่าของใหม่)

คือมันเป็นที่เที่ยวที่ใหม่จริงๆว่างั้นเหอะ
เพราะงั้นน่าจะแน่ใจได้ว่าจะไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน
คุ้มค่ากับการอ่านแน่นอนคุณผู้อ่าน ฮ่าๆๆๆ

(ขนาดใน Lonely Planet ยังเขียนไว้เป็นแค่
ย่อหน้าเล็กๆว่า ถ้ามีเวลาค่อยไปเลย)


(ที่วงกลมสีแดงไว้คือ Tottori และ Osaka)

.............................................

ออกจากบ้านตั้งแต่วันศุกร์ตอนกลางคืน
เพราะพี่จิ๋วบอกว่าให้ไปค้างที่บ้านเลย พี่ใหม่ก็จะไปด้วย
เช้าวันเสาร์จะได้ออกไปพร้อมกันทีเดียว

เราก็ลากกระเป๋า...
ออกจากบ้านตอนสองทุ่มกว่า
มันใจว่าเอาทุกอย่างไปครบ
เตือนตัวเองว่าไม่ให้ลืมที่ชาร์ตแบตฯกล้อง จะได้ถ่ายรูปเยอะๆ

ระหว่างที่ยืนรอรถไฟที่จะไปบ้านพี่จิ๋วอยู่นั้น..
....
....
....
เอ๊ะ..
เหมือนลืมอะไร
....
....
....
อร๊ากกกกกกกกกกกกกก นึกออกแล้วววว!!!
....
....
....
ลืมกล้อง!!!!!!

บ้าป่าวว้า.. ไปเที่ยวแต่ไม่มีกล้อง
ขนาดไปโรงเรียนยังไม่ลืมเอากล้องไปทุกวันเลยนะ
นี่จามาเที่ยวไม่มีกล้อง เลยแอบเซ็งตัวเอง..

แต่ก็คิดว่าไม่เป็นไร เพราะเดี๋ยวไว้ไปยืมกล้องพี่พลังก็ได้
เลยโทรไปบอกพี่จิ๋วว่าฝากบอกพี่พลังว่ายืมกล้องหน่อย

แล้วพี่ใหม่ก็ขับรถโฉบมารับที่สถานีรถไฟไปบ้านพี่จิ๋ว
ลั้นลา ลั้นลา ลั้นลา...
พรุ่งนี้ได้ไปเที่ยวแล้ว กล้องก็มี ลั้นลา ลั้นลา ลั้นลา

.......................................

ตื่นเช้ามา..
ออกจากบ้านพี่จิ๋วตอนแปดโมงกว่า
เพื่อจะไปรับพี่กี้ ที่ใจง่าย (กว่าเรา) ตบปากรับคำจะไปเที่ยวด้วย
ทั้งๆที่เมื่อวานตอนที่พี่ใหม่โทรไปชวนพี่กี้ยังอยู่โตเกียว -_-"

ระหว่างนั้นก็ลองกล้องพี่พลัง
ลั้นลา ลั้นลา ลั้นลา..

เอ๊ะ...
ทำไมมันบอกไม่มีแบตฯ

เมื่อคืนก็ชาร์ตทั้งคืนนี่นา~~!!!!!!

สงสัย..
แบตฯจะเสื่อม -_-"

แล้วบัดนั้นก็รู้ตัวว่า...
ทริปนี้จะไม่มีกล้องไป เหอะๆๆๆๆ

...........................................

เมื่อรับพี่กี้ที่สถานีรถไฟแล้ว..
ก็มุ่งหน้าสู่จังหวัด Shimane กันก่อนเลยยยย


ชาวคณะ : พี่ใหม่ (คนขับรถ) เรา (ผู้ติดตาม) พี่กี้ (ตากล้อง) พี่จิ๋ว (นางแบบ)

สถานที่แรกที่เราจะไปกันก็คือ สวนญี่ปุ่นที่ได้รับการจัดอันดับ
ในระดับนานาชาติว่าเป็นสวนที่สวยที่สุดอันดับหนึ่ง นั่นก็คือ พิพิธภัณฑ์ศิลปะ Adachi



นอกจากจะมีสวนแล้วก็ยังมีรูปภาพด้วยนะ
เพราะมันเป็นพิพิธภัณฑ์นี่นา..
แต่ภาพวาดนี่ดูแล้วไม่ค่อยเข้าใจ ฮ่าๆๆ เลยขอไม่อธิบาย

หลังจากออกจากสวนแล้วก็ไปกินวาริโกะโซบะ ของขึ้นชื่อของชิมาเนะ
แล้วก็ออกเดินทางต่อไปยัง ปราสาทมัตสึเอะ

จริงๆแล้วไม่ได้เข้าไปในปราสาทหรอก
มาเดินดูฆ่าเวลา รอให้ถึงเวลาพระอาทิตย์ตก เหอๆๆ
เลยได้แต่รูปปราสาทที่อยู่ไกลลิบๆมาให้ดูกันแทน


ปราสาทนี้รอบรอบด้วยแม่น้ำด้วย จำไม่ได้แล้วชื่ออะไรไม่ได้จดมา เหอๆๆ

เดินรอบปราสาทอยู่จนพระอาทิตย์ใกล้ตกแล้วก็เดินทางต่อ
ที่ทะเลสาบชินจิโกะ ที่นี่ทุกคนอยากไปมาก
เพราะเห็นในหนังสือนำเที่ยวแล้วมันสวยมากจอร์จจจจ..
คือมีเกาะอยู่กลางน้ำอ่ะ พอพระอาทิตย์ตกแล้วมันก็งามมซะ

แต่แว่บแรกพอไปถึง...
ไหนหว่าเกาะ...
มองๆกันอยู่สักพัก

พี่จิ๋วก็อุทานออกมาว่า "โอ้วววว เกาะ!!!!"
คือเห็นแล้วมันไกลมาอ่ะ เป็นเกาะอยู่ลิบๆ ต้องใช้กล้องซูมหลายร้อยเท่าถึงจะมองเห็น
แล้วพวกเราซึ่งใช้กล้องคอมแพคกันทุกคนจะไปมีปัญญาถ่ายได้อย่างรายยย..
คือไม่มีใครสามารถซูมได้เกินสามเท่าเลย เหอๆ

แล้วก็พลางก่นด่าหนังสือท่องเที่ยวญี่ปุ่นกันไประหว่างที่ขับรถไปอีกฝั่งของทะเลสาบ

แต่พอมาถึงอีกฝั่งนึงแล้ว...
โอ้วว.. มันสวยจริงๆ
รีบหาที่จอดรถกันเลย แล้วก็เดินลงมารอเวลาพระอาทิตย์ตกดินกัน
ได้ออกมาเป็นรูปแบบนี้แล..


เพื่อไม่ให้มืดเกินไป..
เราก็ไปกันต่อเลย วันนี้ไปเที่ยวเยอะมาก เหมือนเก็บแต้ม เหอๆๆ
ที่ๆจะไปต่อไปคือ ถนนมิสึกิ ชิเงรุ

ซึ่งอ่านในหนังสือแล้วถนนนี้เป็นถนนผีสิงค่ะ..
เพราะคนวาดการ์ตูนเรื่องผีน้อยคิวทาโร่ (หรือคีทาโร่หว่า) เกิดที่เมืองนี้
ภนนเส้นนึงจึงมีรูปปั้นของตัวละครต่างๆเต็มไปหมดเลย

พอไปถึง...
เอ่อ.. สมกับเป็นการ์ตูนผี มันเงียบมาก..
คาดว่าเค้าคงมาเที่ยวตอนกลางวันกันอ่ะนะ
แต่พวกเราดันมากันตอนกลางคืน บรรยากาศเลยสยองงงง

เริ่มด้วยพระเอกกันก่อน


รูปนี้แถม เป็นความพยายามเลียนแบบไอ้สามตัวข้างล่างน่ะ เห็นกันมั้ย เหอๆ

แล้วก็เดินทางออกจากจังหวัด Shimane ไปที่โรงแรมในจังหวัด Tottori..

พอถึงโรงแรมแล้วก็ประทับใจกันอย่างสูง
คนละเจ็ดพันเยน แต่ได้ห้องแบบญีปุ่น มีทีวี ตู้เย็น
ห้องน้ำในตัว และออนเซ็น ...

แถมยังมองออกไปเห็นวิวทะเลอีกตะหากกก..
คือมันถูกมากแล้วนะ สำหรับหน้าตาหรูขนาดนี้

จบวันนี้ด้วยการเล่นไพ่รอบดึก..

...................................................

เข้าวันต่อมา...
ตื่นเช้า ไปจุ่มตัวกันในออนเซ็นสักพัก
หลังจากเช็คเอาท์ก็ออกไปเดินเล่นริมทะเลกันสักหน่อย


แถวรูปพี่กี้ไหว้น้ำทะเลให้อีกหนึ่งรูป


แล้วก็ออกเดินทางไปยัง Shoji Ueda Museum of Photography
คือตาลุงอุเอะดะเนี่ย เป็นช่างภาพที่ (เค้าบอกว่า) ได้รับการยอมรับ
ทั้งในญี่ปุ่นและในฝรั่งเศส ที่นี่พี่จิ๋วรีเควสอยากไปมาก
เพราะอยากไปดูเจ้านี่..

นี่คือรูปภูเขาไดเซ็ง ที่มองออกจากทางหน้าต่างพิพิธภัณฑ์นั่นเอง
แล้วเราก็จะเห็นภาพสะท้อนของภูเขาบนน้ำด้วยเห็นป่าว

โอ.. พิพิธภัณฑ์นี้งามมากนะ
ทั้งตัวตึกเอง แล้วก็ภาพถ่ายที่ลุงถ่ายน่ะ (เดี๋ยวจะมีให้ดู เหอๆๆ)

ออกจากพิพิธภัณฑ์ด้วยความหิวโหย..
แต่แถวนั้นก็ต้องเข้าใจอ่ะนะว่ามันชนบทนิดนึง
พยายามหาร้านอาหารกันก็หาไม่ได้ซะที

แล้วก็ไปจบที่ food court แห่งหนึ่งในเวลาบ่ายแก่ๆแล้ว
แล้วที่นี่เอง.. บังเอิญมากอ่ะ
ทำให้เราได้เจอโคนัน!!!

ตอนแรกก็สงสัยทำไมมีรูปปั้นโคนัน แล้วก็มีของเกี่ยวกับโคนันขายเต็มเลย
ไปถามแคทเชียร์ จึงได้คำตอบมาว่า..
เมืองนี้เป็นเมืองที่อาโอยาม่า โกโซ (คนวาดโคนัน) เกิดนั่นเอง
โอ้.. ดวงดีจริงๆได้เจอทั้งคิวทาโร่ (หรือคีทาโร่?) และโคนัน


อ่ะ...
แล้วก็ได้เวลาไปสถานที่ main ที่ตั้งใจจะไปกัน
คือที่จะมา Tottori กันก็เพราะว่าจะมาที่นี่นั่นแหละ
นั่นคือ.. Tottori Sakyu

แปลเป็นอังกฤษได้ว่า Tottori Sand Dune
ภาษาไทยไม่รู้เรียกว่าอะไร ขอแรกว่าเนินทรายละกัน เหอๆ

ตอนแรกก็หวั่นๆอยู่เหมือนกัน..
ว่าหนังสือนำเที่ยวญี่ปุ่นมันจะเว่อร์อีกหรือเปล่าหว่า..
แบบจริงๆแล้วเป็นสวนทรายเล็กกระติ๋ว ...

ระหว่างทางก็ลุ้นกันใหญ่..
แต่พอไปถึงก็ไม่ผิดหวัง มันกว้างใหญ่มากอ่ะ
แต่คนมาไม่ค่อยเยอะนะ อย่างที่บอกอ่ะที่เที่ยวนี้มันใหม่มาก

สงสารอูฐเหลือเกิน ต้องมารับน้ำหนักเราซึ่งกินแหลกมาถึงหนึ่งวันกว่าๆ
ขอโทษนะน้องอูฐ... TTwTT

อ่ะ..
อย่างที่บอกไว้ว่าจะเอาภาพถ่ายผลงานของ Shoji Ueda ให้ดูกัน
คือพอดีว่าเค้าถ่ายที่เนินทรายที่นี่อ่ะแหละ..


และตามด้วย..
ภาพ (พยายามทำให้) เหมือน


พอใช้ได้ไหม เหอๆๆๆ..

แล้วก็มีการปีนเขากันเกิดขึ้น..

ขจีภรณ์เหนื่อยมากน่ะคะ เห็นเขาเตี้ยๆแค่นี้ หอบจนปอดจะหลุดออกมา
แล้วเห็นมีคุยกันว่าจะมีทริปปีนภูเขาไฟฟูจิกันนี่..
ขจีภรณ์จะตายกลางภูเขาไหม เหอๆๆๆๆ

รูปสุดท้ายขอปิดท้ายด้วย Sand Board


แล้วก็ได้เวลากลับบ้าน...
ออกจากเนินทรายตอนบ่ายสี่โมงเย็น..

ตอนนี้เกิดการขัดแย้งกันของ navigator ที่ไว้บอกทางขึ้น
คือเชื่อ navigator กันมาตลอดนะ..
แต่พอดีวันนี้เกิดสงสัยว่าทำไมป้ายที่ถนนที่มันบอกว่า "ไปเกียวโต"
มันเป็นทิศทางตรงกันข้ามกับที่เครื่องมันบอกหว่า..
รวมถึงพี่กี้ที่มี navigator ส่วนตัวมาก็บอกว่า
เจ้าเครื่องของพี่กี้เนี่ยมันชี้ไปทางที่ป้ายบอกนะ..

เอาวะ..
เชื่อป้าย และ navigator ของพี่กี้

จึงได้เกิดการผจญภัยในป่าเขาขึ้น..
จากกำหนดการเดิมที่ต้องไปถึงบ้านพี่จิ๋วตอนทุ่มครึ่ง
ไปถึงตอนสามทุ่มครึ่งค่ะคุณขา..

แต่คิดในแง่ดีนะ..
มันทำให้เราได้เห็นโอซาก้าในมุมที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน (มุมมืด)
คือป้ายมันบอกว่าเข้าเขตโอซาก้าแล้ว..
แต่มันส่วนไหนของโอซาก้าไม่รู้ คือมัน..




มืดมาก




และทำให้ได้ความรู้ใหม่ว่า..
โอซาก้า (ที่แปลว่าเนินใหญ่) เนี่ย
มันมีเนินเยอะจริงๆ

ไม่ใช่แค่เนินเตี้ยๆแถวบ้านที่ทำให้การขี่จักรยานธรรมดา
เป็นการขี่จักรยานวิบากไป

แต่เป็นภูเขาเรียงกันทั้งนั้น..

แต่ไม่ค่อยหนุกเท่าไหร่..
เพราะถึงแม้ว่ามันจะมีป้ายตามถนนว่าระวังกวางกระโดดมาตัดหน้ารถ
แต่เราก็เชื่อว่ามันจะไม่มีแค่กวางอ่ะสิ เหอๆๆๆๆ

สุดท้าย..
ก็กลับมาถึงโอซาก้า (ในตัวเมือง) โดยสวัสดิภาพ
เพราะสุดท้ายแล้วกลับมาเชื่อ navigator นั่นเอง เหอๆๆ

....................................................

ความรู้และบทเรียนที่ได้จากทริปนี้
๑. (พี่จิ๋ว) ได้รู้ว่าหน่อไม้พอโตขึ้นจะกลายเป็นต้นไผ่
๒. อันนี้ได้ระหว่างนั่งคุยในรถว่า เวลาคนญี่ปุ่นจะทำให้ต้นไผ่หยุดโต
เค้าจะต้องไปเขย่าต้นไผ่แล้วร้องดังๆว่า "กร๊า~~~~~!!!!"
อันนี้เป็นเรื่องจริงไม่ได้แต่งขึ้นแต่อย่างใด
๓. ได้รับบทเรียนว่า ทุกครั้งที่จะจอดรถให้ดูก่อนว่าแถวนั้นมีที่จอดฟรีหรือเปล่า
เพราะหลังจากเข้าไปจอดรถที่ต้องเสียตังค์ 420 เยนปุ๊บ ส่ายตาไปนิดหน่อยก็เห็นป้าย
"จอดรถฟรี"
๔. จงเชื่อ navigator ทุกครั้งที่คุณไม่รู้ทาง เหอๆๆๆ

....................................................

สุดท้าย.. ขอขอบคุณ
๑. พี่ใหม่ คนขับรถที่ประเสริฐมาก.. ขับตลอดสองวันไม่ต่ำกว่า 1,000 กิโลฯ ขอกราบงามๆหนึ่งที
๒. พี่จิ๋ว ฮาได้ตลอดเวลา ทำให้เป็นครั้งแรกที่โบไม่หลับในรถ (รวมถึงเรื่องหน่อไม้ เหอๆๆ)
๓. พี่กี้ ตากล้องที่ถ่ายรูปทุกสถาณการณ์ มีรูปตัวเองน้องมากกกกกก เสียสละจริงจริ๊งงง พ่อคู๊ณณณณ~

....................................................

แล้วพบกันใหม่ครั้งหน้าจ๊ะ ^^

12 Comments:

Anonymous Anonymous said...

เห็นแล้วอยากไปเที่ยวบ้างจัง อยู่คันโตหาคนขับรถได้นอกมาก ขอบคุณที่เอประสบการณ์ดีๆมาฝาก เห็นรูปที่พยามยามถ่ายให้เหมือนแล้ว สวยครับ

พี่นิ

9:15 PM  
Blogger noomai said...

น้องโบว์ขี้โ....ม้
1. เสียค่าจอดรถแค่ 410 เยนย่ะ (ถือว่าเป็นค่าบำรุงสถานที่ไปซะนะ..งิงิ)
2. ขับไม่ถึง 1000 กิโลจ้า แค่ราวๆ 800 กม. (-_-')
3. ขอฟ้องว่าโบว์แอบหลับบบบบ
4. สุดท้ายเรื่องต้นไผ่.. เค้าเขย่าแล้วร้อง "ก๊าดดดดด" ไม่ได้ให้หยุดโต แต่ให้หยุดสูง แล้วออกข้างแทน จริงๆไม่จริงไม่รู้ เดือนสองเดือนหน้าจะไปแอบพิสูจน์ ฮาฮา

ทริปนี้หนุกหนานมากกก เจอกันคราวหน้า.. ไปไหนดี??

9:17 PM  
Anonymous Anonymous said...

55555555555 ขอขำก่อน
โอยยย อ่านแล้วขำ....ชอบๆ

-แม่น้ำนั้นชื่อ matsue horigawaเด้อ...
-ขอบคุณที่บอกเรื่องบทเรียนพี่ -o-; อายเค้า

ขอขอบคุณ สมาชิกทริปจนๆ
-พี่ใหม่...ขับรถอึดจิงจิง ขอบคุณณณณณจ้าา
-กี้....ถ่ายรูปให้เยอะมั่กๆ แล้วก็ขอบคุณสำหรับความใจง่ายยยยย
มาเติมสีสันให้ทริป สนุกมากๆ
-น้องโบ เธอไม่ฮาเล้ยยย...Mos burger-- sugiya--Mc..am lovin it! haha...ร้องได้หมด...บ้าจี้55

ทริปนี้สนุกมากๆ ไว้ไปกันอีกเน้อออ***

9:26 PM  
Anonymous Anonymous said...

หิวแย่เลยสินะ
หลงทางตั้งหลายชั่วโมง

9:53 PM  
Blogger Oakyman said...

อยากไปมั่งจัง
Road trip
โอ้ววววววว

ททโทริก็น่าไปนะ

11:21 PM  
Blogger NoTtO said...

โอ้ววว อยากไปปเล่นแซนด์บอร์ดนา
คราวหลังจะมีคนไปกะเรามั้ยหนออออ

ว่าแต่ จริงๆแล้ว หน่อไม้ต้องโตเป็นซากุระสิ
ใช่มั้ยจ๊ะจิ๋ววววว 5555555555

12:04 AM  
Anonymous Anonymous said...

ยาวดีแท้ ทริปนี้
รูปเลียนแบบนี่ทีเด็ดจริงๆ

ค้นพบสัจธรรมเพิ่มอีกข้อ คือ ไม่ว่าจะไปเที่ยวที่ไหนในญี่ปุ่น จะมีน้องคิตตี้ตามไปตลอด น่ากลัวจริงๆ

take care
เปนห่วงนะ -_-

1:14 AM  
Anonymous Anonymous said...

เที่ยวอีกแล้ว เที่ยวบ่อยจิงๆ

คราวนี้รูปวิวงามมั่ก อยากไปบรรยากาศดีๆแบบนั้นมั่งจัง


แง่ม อิจฉาๆๆๆ 555

1:41 AM  
Anonymous Anonymous said...

เจ๋งโครต อยากไปบ้าง

Thechila

9:52 AM  
Anonymous Anonymous said...

ก็ว่าไปนั่น ขอบอก ฮาแตกทั้งรถ หนุกหนานเน่อ พี่น้อง

ชอบ ๆ

แล้วจาไปหนาย ก็..... ถามแค่ไปมั้ยก็พอเด้อ พี่น้อง

จัดให้ อิอิ เจอกันใหม่ ทริปฮา ๆ อย่างนี้ชอบมั๊ก ๆ

12:02 PM  
Anonymous Anonymous said...

ไอ้นอตโตะ เดี๋ยวโดนแตะ

1:11 PM  
Anonymous Anonymous said...

มาเที่ยวชม ภาพงดงามแท้เจ้า
โทดโทะริไปตอนหน้าหนาวก็เลิศครับ ออนเซ็นกลางแจ้งแบบหัวเปียกหิมะไปตัวก็อยู่ในออนเซ็น
ว่าแต่ขับรถกันไปเองได้เนี่ยต้องกราบงาม ๆ
นี่มันไกลก่ากรุงเทพเชียงใหม่อีกนะเนี่ย
หนูโบว์มาญี่ปุ่นได้คุ้มก่าป้า ๆอีกนิ
ป้า

1:37 PM  

Post a Comment

<< Home