zz *Bow's Journey Under the RainBow*: ไปปาถั่วกันเถอะ..ในเทศกาลเซ็ทสึบุง (節分)

*Bow's Journey Under the RainBow*

And this is a little journey of me...

Sunday, February 05, 2006

ไปปาถั่วกันเถอะ..ในเทศกาลเซ็ทสึบุง (節分)

หวัดดีทุกคน
วันนี้เอาความรู้มาฝากอีกแล้ว
ให้ไดอารี่เรามีสาระบ้าง ต่อไปอาจทำรวมเล่มขายได้ ฮ่าๆๆ

หลังจากเรางงๆมาสักสัปดาห์นึงว่า
ทำไมหว่าตามสถานที่ต่างๆมันถึงมีการประดับประดา
ด้วยหน้ากากยักษ์ และถั่ว??

โดยเฉพาะที่โรงอาหาร
(ที่ๆ ไปใช้ชีวิตอยู่มากที่สุด -_-")

พอมาเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา...
ก็ถึงบางอ้อ..

เพราะว่า..พอดีเกิดอาการใจง่ายอีกแล้ว
พี่ใหม่ชวนไปค้างที่บ้าน
ก็ใจง่ายหอบผ้าหอบผ่อนแล้วก็หนีออกจากบ้านไปซะยังงั้นเลย เหอๆๆ

จับรถไฟด่วนสีแดงไปยังเกียวโต..
พอไปถึงก็โทรไปหาพี่น็อต
"ปะป๊า...ถึงคาวารามาจิแล้ว"
(เป็นพ่อไปแล้วคนนี้ ฮ่าๆๆๆ)

แล้วก็บอกให้ขึ้นรถเมล์
พอขึ้นรถเมล์ไปแล้วก็บอกทางให้เดินเข้าไปในมหาวิทยาลัยเกียวโต

พอมาถึงตอนนี้...
ไม่รู้ใครงงกันแน่
งงๆ หลงทาง ไปทางไหนก็ไม่รู้

หลงไปหลงมา..
ก็เข้ามาเจอกันจนได้ ถึงแม้จะทุลักทุเลไปหน่อย
แล้วพี่ใหม่กับพี่น็อต ก็พาไปสมทบกับพี่ต้น พี่แยม และเอ็ดดี้
ครบแล้วก็เดินไปศาลเจ้าหลังมหาวิทยาลัย
เพื่อร่วมงานเทศกาล "เซ็ทสึบุง"


พี่ใหม่ พี่ต้น พี่แยม เรา และพี่น็อตที่หน้าศาลเจ้า

ในญี่ปุ่น "เซ็ทสึบุง" คือวันแห่งการเริ่มต้นฤดูกาลใหม่
คำว่า "เซ็นสึบุง" ตามความหมายแล้วแปลว่า การแบ่งฤดูกาล
(เซ็ทสึ 節 = ฤดูกาล, บุง 分 = แบ่ง)
แต่ตามที่จริงแล้ว จะหมายถึงการเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิ ตามปฎิทินจันทรคติ
โดยกำหนดวันตรงตัวไว้ คือวันที่ 3 กุมภาพันธ์

(เค้าว่ากันว่าวันนี้เป็นการเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิ แต่ทำไมหิมะยังตกอยู่
ไม่เข้าจายยยยย)

เทศกาลเซ็ทสึบุงนี้ตามประเพณีแล้ว แต่ละบ้านจะออกมานอกบ้าน
และปาถั่ว พร้อมกับพูดว่า
"Oni wa soto! Fuku wa uchi!" (鬼は外! 福は内!)

แปลว่า "ยักษ์จงออกไป โชคดีจงเข้ามา"
ถั่วนั้นเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ของบ้าน

ตามที่เล่าให้ฟัง..
พอไปถึงศาลเจ้าก็เจอคุณป้าขายถั่วอยู่

แล้วก็เจอยักษ์เดินอยู่ด้วย

จากที่พี่ใหม่เล่าให้ฟัง..
เมื่อปาถั่วเสร็จแล้ว สมาชิกในบ้านจะต้องเก็บถั่วมากิน
ตามจำนวนอายุ ไปอ่านในพันทิป คุณตาคุณยายบางบ้าน
น่ารักมาก แบบอายุมากแล้วกินไม่ไหว เลยใส่จุดทศนิยมแทน
เช่น อายุ 60 ก็กิน 6.0 เม็ด ฮ่าๆๆๆ

แต่ว่าพวกเราซึ่งเอาถั่วปากันเล่นเอง คงไม่มีใครกินถั่วตามอายุสักคนอ่ะนะ
เหอๆๆๆๆๆ

บรรยากาศงานก็เหมือนงานวัดทั่วๆไป

ส่วนปลาที่เห็นในรูปก็คือ..
ไปนั่งกินกันอ่ะแหละ ในเต๊นท์ๆ
ออกแนวปลาผิงไฟๆ ก็อร่อยดี เค็มๆ

เป็นปลาร่วมสาบานมาก ห้าคน สองตัว ฮ่าๆๆ

หลังจากร่วมงานเสร็จแล้วก็ไปกินข้าวกัน
แล้วก็กลับบ้านพี่ใหม่ พี่ต้นไปด้วย พี่น็อตกลับบ้าน

สักพักพี่จิ๋วก็กลับบ้าน..
นั่งกินขนมที่เราทำ (กลับไปอ่านตอนที่แล้วว่าเราทำอะไร)
แล้วก็ดูดีวีดีมาดากัสกาที่แม็คส่งมาให้ (ดองไว้ประมาณสามเดือนเพิ่งได้ดู)

พอดูจบพี่ต้นก็กลับ...เรากับพี่ใหม่พี่จิ๋วก็นั่งกู "เกมทศกัณฑ์ยกทัพ"
แบบว่าพี่ใหม่กับพี่จิ๋วติดกันมากเลยรายการนี้
แถมดู "เพื่อนรักนักล่าฝัน" อีก เหอๆๆ

กว่าจะได้นอนก็ตี..เท่าไหร่แล้วหว่า เหอๆๆ

...............................

วันต่อมา...
ตื่นมาเพื่อจะไปดูงานแสดงผลงานของนักศึกษาปี 4
ของมหาวิทยาลัย "เกียวโตเซกะ"
ที่พี่จิ๋วเรียนอยู่...ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยทางด้านศิลปะล่ะมั้ง

ที่เห็นนี่เป็นที่แสดงผลงานนะ ไม่ใช่มหาวิทยาลัยเค้า

ไปเข้าไปก็..โอ้โหวววววว
แต่ละงานแบบไฮโซมากอ่ะ ไม่นึกว่าเป็นงานเด็กปีสี่ทำ
คือ ทั้งภาพพิมพ์ ภาพวาด งานออกแบบ
ไฮโซมากมาย เหมือนเข้าไปอยู่ในพิพิธภัณฑ์ศิลปะเลย

แล้วคนที่มแสดงผลงานแต่ละคน (คือนักศึกษานั่นแหละ)
ก็แต่งตัวออกแนวติสต์หมดเลยนะ
แบบคนไหนเดินผ่านแล้วแต่งตัวติสต์ๆหน่อยให้เดาไว้ได้เลยว่าเป็นเจ้าของผลงาน หุหุ

ที่จะเห็นต่อไปนี้คือผลงานของพี่จิ๋ว
แต่นแต๊น~~

เป็นรถเข็นคนแก่น่ะ...
พี่จิ๋วบอกว่า..กว่าจะออกมาเนี่ย "เงินทั้งน๊านนนน.."
คันที่เห็นอยู่นี่ต้นทุนหนึ่งแสนเยนนะ!!!!

แต่แบบมาเห็นแล้วรู้สึกอึ้งทึ่งไปเลยอ่ะ
อยากให้เมืองไทยจัดงานดีๆอย่างงี้มั่ง
นักศึกษาจะได้มาออกแสดงผลงาน

ยินดีกะพี่จิ๋วด้วยนะจ๊า~
เรียนจบละ หลังจากตรากตรำทำงานมานาน
กว่าจะออกมาเป็นเจ้ารถเข็นนี้ได้
แปะ แปะ แปะ แปะ (ตบมือให้)

............................................

หลังจากออกจากงานพี่จิ๋ว ก็ขึ้นรถไฟไปโอซาก้า
แล้วก็มุ่งหน้าไปชินไซบาชิ

วันนี้มีกินเลี้ยงคนที่ช่วยงานสกีน่ะ

อาหารไทย...
แซ่บมาก ร้านอาหารแนวมาก ติสต์แตกอีกแล้ว
เหอๆๆๆ

กินเสร็จ ก็กลับบ้าน...

สลบเหมือด..

...........................................

จบแล้วจ้าวันนี้
ได้ความรู้บ้างมะ อิอิ

คราวหลังจะสรรหาความรู้มาให้อ่านกันอีกนะ อิอิ

วันนี้ไปก่อนละจ้า
บ๊ายบายๆๆ

10 Comments:

Anonymous Anonymous said...

เคยเห็นเทศกาลปาถั่วในชินจัง
เพิ่งเคยเห็นของจริงนี่แหละ
เป็นงานที่น่ารักดีนะ
รถเข็นก็สวยดี แต่น่าจะกางโชว์นะเนี่ย เสียดายจัง

take care
เปนห่วงนะ -_-

3:39 PM  
Anonymous Anonymous said...

ดีมากๆ.. โปรโมทกันเข้าไปเยอะๆ.. กิจการคนในครอบครัว.. อิอิ..
ว่าแต่ขนมอ่ะ.. คราวหน้าเอามาเยอะๆหน่อยน้าาา เดี๋ยวพี่ๆแถวนี้เค้าตบตีแย่งกันกินอีก.. =P

3:39 PM  
Anonymous Anonymous said...

nong boww.....promote gun d makkk haha
thk u for comin na jaaa...oh and thk u for ur SUPER FAT sweet!!!:D

3:39 PM  
Anonymous Anonymous said...

มาถึงเมืองไทยเมื่อไหร่วะ
ไม่บอกกันเลยนะ
ถึงบางอ้อเนี่ย 555

3:39 PM  
Anonymous Anonymous said...

โอย อ่านกี่ทีก็กระแทกต่อมอยากไปญี่ปุ่นทุกทีเลยง่า
เฮ่อ....ดีจังดูท่าทางเอนจอยขึ้นแล้วนะเนี่ย ดีจัง (รึเปล่านะ)

3:39 PM  
Anonymous Anonymous said...

กลับไปดูขนมมาแล้ว....หนูอยากกินว่ะ
เป็นโรคแพ้ครีมสดกะวิปครีมอ่ะ..น้ำลายจะไหลแว้วววว
พี่โบนี่เล่าเรื่องได้อารมณ์ละก้อเห็นภาพเรยอ่ะ
มีสาระจิงๆซะแล้วสิ ฮ่าๆๆ
เออ..ปลาก้อแอบน่ากิน..หนูดูตะกละป้ะเนี่ย? ฮ่าๆๆ

3:40 PM  
Anonymous Anonymous said...

ง่ะ อยากไปญี่ปุ่นอีกอะ

3:40 PM  
Anonymous Anonymous said...

Industrial Design เมืองไทยก็ใช่ย่อยนะน้องโบว์
(แต่งบสู้ไม่ได้)
กลับไปลองไปดูสิ
เคยไปงานของถาปัดจุฬาฯ ก็เจ๋งๆ เยอะ
(แต่ส่วนใหญ่เป็นแค่ Design)

3:40 PM  
Anonymous Anonymous said...

อยากกิน บานนนนนอฟฟฟฟี่ฟี่ฟี่

3:40 PM  
Anonymous Anonymous said...

I wanna go to japan mung jung. I broke up with my boyfriend lew la nong bow..guess i will hate europe pai eek nan T_T

3:40 PM  

Post a Comment

<< Home