OUSSEP Farewell Trip to Koya-san
หายไปนาน... ต้องขอโทษมิตรรักแฟนบล็อคทุกคน แต่ที่หายไป ก็ไม่ได้ไปไหนหรอก ไปเที่ยวมา แหะๆๆๆๆ คราวนี้เที่ยวฟรีด้วย เนื่องจากได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่นและมหาวิยาลัยโอซาก้า ต้องกราบขอขอบพระคุณมา ณ ที่นี้นะคะ อิอิ
ที่ตอนแรกสัญญากับเพื่อนๆหลายๆคนไว้ว่าจะกลับไปถ่ายรูปรับปริญญาด้วย แต่ขอโทษด้วยนะที่ไม่ได้ไป ก็เพราะว่าติดทริปนี้แหละ คือถ้าเราไปงานรับปริญญาก็คงกลับมาถึงไปเที่ยวทริปนี้แบบเส้นยาแดงผ่านแปด แบบรถออก 9 โมง มาถึงหอ 8.50 ไรงี้ เกรงว่าหืดจะขึ้นคอ และพระมารดาอาจจะตำหนิได้ ก็เลยต้องขอโทษเพื่อนๆทุกคนตรงนี้อีกครั้งนะ
แต่ยังไง ปีหน้าก็มาถ่ายรูปกะเราละกัน ^^
อ๋อ ทริปนี้แล้วจริงๆแล้วอาจจะเรียกได้ว่าเป็นทริปปัจฉิมฯ ของนักเรียนและเปลี่ยนโครงการ OUSSEP ก็ได้มั้ง เพราะอย่างที่รู้ว่าเดือนหน้านี้ก็จะแยกย้ายกันไปแล้ว แล้วอาจจะไม่ได้เจอกันอีกเลยก็ได้ตลอดชีวติ คิดแล้วมันก็ใจหายเน๊อะ นี่ก็เกือบปีแล้วที่มาอยู่ที่นี่ เพื่อนๆทาคุยกันบ้างไม่ได้คุยกันบ้าง เห็นหน้าบ้างไม่เห็นหน้าบ้างแต่ก็ใกล้ที่ต้องจากกันแล้ว
เข้าเรื่องดีกว่า เรื่องเพื่อนๆเดี๋ยวคงจะได้เอามาเขียนในวาระและโอกาสต่อๆไป
คราวนี้จะพาไปเที่ยวสถานที่ที่ได้รับขนานนามว่าเป็นเมืองมรดกโลกอีกแล้วเจ้าค่ะ สถานที่นี้เรียกว่า โคยะซัง (高野山 เทือกเขาโคยะ)
โคยะซังตั้งอยู่ในพื้นที่ของจังหวัดวากายาม่า (和歌山県)ซึ่งเป็นจังหวัดที่อยู่ทางตอนใต้ของโอซาก้า ซึ่งแรกเดิมถูกตั้งขึ้นในปี 819 โดยพระสงฆ์ชื่อ Kōbō-Daishi(弘法大師)ซึ่งคนที่นี่ยังเชื่อว่าโคโบไดชิยังไม่ได้จากไปตามอายุไขของเขา แต่ยังมีชีวิตอยู่ที่โคยะซังแห่งนี้ (แอบสยองเล็กน้อย...)
โคยังซังถูกขนานนามว่าเป็นศูนย์กลางของ Shingon(眞言,真言)ซึ่งเป็นพระพุทธศาสนาสำนักหนึ่งของญี่ปุ่น
ความสูงของเทือกเขาแห่งนี้สูงกว่า 1000 เมตรจากระดับน้ำทะเล (เค้าว่ากันว่าสูงขึ้นทุกปี ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วมันสูงขึ้นหรือน้ำทะเลลดลงกันนะ อ่ะเหอๆๆ) และที่นี่ยังมีวัดมากมายกว่าร้อยวัดทีเดียว รวมถึงยังเป็นสถานที่ที่พุทธศาสนิกชนชาวญี่ปุ่นเดินทางมาจาริกแสวงบุญกันอีกด้วย
ทริปคราวนี้เริ่มจากการแจกเสื้อรุ่นกันก่อน โดยตาหนุ่มออสซี่
หลังจากที่ไปถึงที่โคยะซัง ก็รับประทานอาหารกลางวันมื้อแรก เป็นมังสวิรัส (อาหารทุกมื้อที่เค้าจัดให้ในทริปนี้เป็นมังสวิรัสทั้งสิ้น โอ้ววว ชั้นเกลียดเต้าหู้~) แล้วก็แบ่งกลุ่มออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มเราเดินเท้าไปยังวัด Kongōbu-ji (金剛峰寺)ซึ่งได้รับขนานว่าที่นี่เป็นศูนย์กลางของพระพุทธศาสนาสำนัก Shingon นั่นเอง..
ที่เห็นในรูปเรียกว่า Kondo ถูกสร้างขึ้นโดยโคโบไดชิในปี 819 กิจทางพุทธศาสนาใดๆก็ตามที่จะเกิดขึ้นในโคยะซังจะถูกจัดขึ้นที่นี่ ตัว Kondo เก่าจริงๆแล้วถูกทำลายไป ปัจจุบันที่เห็นอยู่ถูกสร้างขึ้นเป็นครั้งที่ 7 แล้วในปี 1932 นั่นเอง
ต่อไปก็ยังอยู่ในบริเวณวัดเดิมนั่นแหละ สถานที่นี้เรียกว่า Konpon Daito ถูกสร้างขึ้นสมบูรณ์ในปี 1937 เจดีย์นี้มีความสูง 48.5 เมตร
เอ๊ะ.. คนเค้าหาอะไรกันนะ เฉลย.. เค้าหาใบสนสามแฉกกันอยู่ เชื่อกันว่าถ้าเจอใบสนที่มีสามใบในช่อเดียวที่ตกอยู่จนพื้นเจอ แล้วเก็บไว้ในกระเป๋าตังค์นะ คนๆนั้นจะไม่ขาดเงินเลย
หาเจอมาหนึ่งช่อ อิอิ.. จริงๆแล้วสองแหละ แต่ช่อแรกทำตกหายไป หาไปใหม่ก็เจออีก หุหุ จริงๆแล้วมันไม่ได้หาง่ายขนาดนั้นหรอกนะ แต่พอดีดวงคนมันจะมีตังค์อ่ะ อิอิ (เค้าว่าจะมีนะ.. แต่ตอนนี้ยังไม่มี อย่ามายืมๆ)
เอ่อ.. ขอถ่ายรูปกับพระได้ด้วย เหอๆ
หลังจากนั้นก็เดินเท้าต่อไปยังวัดอะไรไม่รู้ เค้าไม่ได้บอก หรือไม่ได้ฟังนี่แหละ (จริงๆแล้วน่าจะเป้นอันหลังมากกว่า)
ในวัดมีสวนหินญี่ปุ่น ที่เค้าบอกว่าใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นอ่ะนะ
ที่นี่มีห้องรับรองสมเด็จพระจักรพรรดิ และแขกบ้านแขกเมืองด้วยนะ จริงๆแล้วเค้าห้ามเข้าไปดู แต่เราเข้าไปดูกันได้ไงไม่รู้ เหอๆ หรือเค้าหลอกให้เราดีใจว่าเราเป็นคนพิเศษกันนะ
หลังจากนั้นก็ไปรวมกลุ่มกับเพื่อนๆที่เหลือ และนั่งรถบัสต่อไปยังที่พัก
อืม.. ในรูปน่ะมันเป็นที่พักจริงๆนะ คือวันนี้เค้าให้เรานอนวัดกันน่ะ เหอๆ
มีหลวงพ่อมาต้อนรับ..
อาบน้ำอาบท่ากันเสร็จสรรพ ใส่ยูกาตะกันทุกคน
มีนางแบบในชุดยูกาตะเจ้าหญิง และนายแบบในยูกาตะแบบมินิสเกิร์ต เหอๆ (คือคนที่สูงสุดและเตี้ยสุดนั่นแหละ)
อาหารเย็นเป็นมังสวิรัสเช่นเคย..
แล้วก็เป็นฟรีไทม์... ไม่ได้ทำไรเลย มันก็กินเบียร์กันไปสิ เฮ้ออออ ทำไมไม่จัดกิจกรรมให้ทำเลยว้า..
...........................................
เช้าวันต่อมา...
ตื่นมาฟังทำวัตรเช้า (อารมณ์ประมาณนั้น)
ทำนองก็แอบคล้ายๆพระสวดบ้านเราอ่ะนะ แต่มันเป็นภาษาญี่ปุ่น
แล้วหลังจากนั้นหลวงพ่อมีการพาทัวร์ห้องพระอีก เอิ่มม.. วัดหรือโรงแรมหว่าเนี่ย
ที่บอกว่ามันเป็นวัดหรือโรงแรมก็เพราะว่า พระมาจัดอาหารให้ ขัดเตียงให้ เก็บเตียงให้ มีทีวีในห้องด้วย ห้องน้ำสะอาดอีกตะหาก เย้ออออ.. มิน่าทำไมคนญี่ปุ่นถึงไม่ค่อยมีความศรัทธาในศาสนากันซะเท่าไหร่ สงสัยมันจะเป็นการค้าไปซะแล้ว..
ต่อจากนี้จะพาไปเที่ยวป่าช้ากันค่ะ เหอๆๆๆ ที่เห็นในรูปเรียกว่า Okunoin (奥の院) เป็นที่ๆเชื่อกันว่าโคโบไดชิยังคงอาศัยอยู่นั่นเอง คือจริงๆแล้วมันมีวัดอยู่น่ะแหละ แต่วัดนั้น (ซึ่งถ่ายรูปไม่ได้) ถูกล้อมรอบด้วยหลุ่มศพทั้งสิ้น ซึ่งที่นี่เป้นป่าช้าที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น เหอๆ
ก่อนเข้าไปบริเวณที่ถ่ายรูปไม่ได้.. มีการสาดน้ำพระกันด้วย เหอๆ
หลังจากนี้จะพาทัวร์หลุมศพลักษณะประหลาดกันแล้วกันนะคะ เหอๆ
เริ่มด้วย..
หลุมศพเครื่องบิน -_-"
หลุมศพ UCC เป็นรูปแก้วกาแฟ.. -_-"
แถมข้างในยังมีกาแฟอีก -_-"
อันนี้น่าชื่นชม.. เป็นหลุ่มศพที่อุทิศให้สัตว์ที่ถูกฆ่าในการทดลอง
อันนี้ของ SHARP ที่เห็นนี่แทนทีวีอ่ะนะ สะท้อนเชียว เหอๆ
ปิดท้ายด้วยหลุมศพจรวด -_-"
เอ่อ... เค้าทำอะไรกันเหรอ
เฉลย...
เค้าว่ากันว่าเนื่องจากที่นี่เริ่มมีคนมาเที่ยวเยอะแล้ว พวกบริษัทต่างๆก็เลยอาศัยโอกาสนี้เป็นการโฆษณาบริษัทของตัวเองกันซะเลย ซะงั้นอ่ะนะ..
อืม.. เค้าว่ากันว่ามีหลุมของ KFC ด้วยอ่ะนะ แต่หาไม่เจอ
หลังจากจบจากสุสานแล้ว เราก็ได้รับอาหารกลางวันเป็นแบงค์ 1000 เยน ไปหาอะไรกันกินเอง เป็นการกินเนื้อครั้งแรกในรอบสองวันน่ะนะ แล้วก็เดินทางกลับโอซาก้า...
ส่วนเรา ออกจากรถก่อนเพื่อนๆ เพื่อมุ่งหน้าไปเกียวโต
ไปทำไม...
โปรดติดตามชมตอนต่อไป ^^
5 Comments:
แขนเจ็บป่าวอ่ะ
ไม่เห็นทำท่าไม้ตายเลย อิอิ
วันๆไำม่ทำไรนะเนี่ยะ... ไหนบอกจะเตรียมพรีเซนต์
(พี่ฟี่ฝากมาถาม.. ) กร๊ากๆๆๆ
เที่ยวเยอะจริง
^
^
^
^
555 ท่าไม้ตาย 555
รอดูท่าไม้ตายในชุดยูกาตะ มีป่าวหว่า
ประทับใจหลุมศพประหลาดๆ แต่ก็รู้สึกถึงธุรกิจในศาสนาของคนญี่ปุ่นจริงๆ
แล้วหลุมศพ McDonald มีมั๊ยอะ?
take care
เปนห่วงนะ -_-
Post a Comment
<< Home